นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์ภูมิอากาศของประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. เป็นต้นมา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 65-ปัจจุบัน มีรายงานผู้เสียชีวิตสะสม 15 ราย บาดเจ็บ 21 ราย และยังมีสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งใน 5 จังหวัด และน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในอีก 16 จังหวัด ซึ่งขณะนี้สถานพยาบาลในสังกัดทุกแห่งยังเปิดให้บริการได้เป็นปกติ มีเพียง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 2 แห่งใน อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เปิดให้บริการได้บางส่วน
สำหรับในช่วงวันที่ 28 ก.ย.-1 ต.ค. นี้ พายุโซนร้อน "โนรู" จะส่งอิทธิพลโดยตรงต่อประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ร่วมกับลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงอันตรายอื่นๆ ได้ ขอให้สถานพยาบาลทุกแห่งเร่งสำรวจความแข็งแรงของสิ่งก่อสร้าง อาคาร รวมถึงระบบไฟส่องสว่าง และซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดให้มีความปลอดภัย ดูแลอาคารสถานที่และครุภัณฑ์ที่อาจได้รับผลกระทบ โดยใช้หลักป้องกัน ยกสูง เคลื่อนย้าย
รวมถึงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และผลกระทบด้านโรคและภัยสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งสำรองยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้เพียงพอต่อการให้บริการ หากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ให้จัดหาสถานที่สำรองหรือจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเมื่อจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้มารับบริการ
ทั้งนี้ ส่วนกลางได้เตรียมสนับสนุนยาช่วยเหลือผู้ประสบภัย เสื้อชูชีพ รองเท้าบู๊ท ไฟฉาย และประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนต่อไป และหากมีความจำเป็นสามารถขอรับการสนับสนุนมาที่ส่วนกลางได้
สำหรับประชาชน ขอให้ระมัดระวังสุขภาพอนามัยเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม โดยเฉพาะโรคที่มากับน้ำท่วมและหลังน้ำลด เช่น ตาแดง ท้องร่วง น้ำกัดเท้า และฉี่หนู หากเจ็บป่วยสามารถไปรับบริการได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือหากเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทรแจ้งสายด่วน 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง