น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง สามารถดูแลตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศไทยปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยปี 65 มีผู้สูงอายุ 60 ปี จำนวน 12.11 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 66 ล้านคน หรือคิดเป็น 18%
น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เข้าดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ผ่านสิทธิตามโครงการหลักประประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขที่จำเป็น จากข้อมูลการเข้ารับบริการโดยใช้สิทธิบัตรทอง ล่าสุดในปี 64 มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 9.6 ล้านคน เข้ารับบริการแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกจำนวน 64.2 ล้านครั้ง จากการรับบริการในระบบบัตรทองทั้งหมด 167 ล้านครั้ง นอกจากนี้ ยังพบว่าโรคที่ผู้สูงอายุเข้ารับการรักษาบ่อยได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม ภาวะสมองเสื่อม หลอดเลือดหัวใจตีบ มะเร็ง และโรคตา เป็นต้น
สำหรับในปีงบประมาณ 66 สปสช. ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ในรายการจ่ายตามบริการ (Fee Schedule) ดังนี้ บริการวัคซีนป้องกันโรค วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้อายุ 65 ปีขึ้นไปบริการคัดกรองความเสี่ยง ได้แก่ ประเมินภาวะโภชนาการ โรคซึมเศร้า เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือด เอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการตรวจหาเลือดในอุจาระ (Fit-TESIT) การตรวจเนื้อเยื่อในช่องปากในกรณีพบรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก การกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งเต้านม (สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและญาติสายตรง) และคัดกรองวัณโรคใน 7 กลุ่มเสี่ยงสูง ด้วยการเอกซเรย์ปอดในผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไปที่สูบบุหรี่ หรือมีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) รวมไปถึงบริการทันตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งในปี 66-67 สปสช. ได้ร่วม "โครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567" ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมและรากฟันเทียมกรณีที่ฟันเทียมไม่สามารถยึดติดเหงือกได้
ขณะเดียวกัน สปสช.ยังมีความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ซึ่งรวมไปถึงกองทุนดูแลระยะยาวสำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงที่รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณดูแลเพิ่มเติมที่ช่วยยกคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
"รัฐบาลห่วงใยสุขภาพผู้สูงอายุ และมุ่งหวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลายชีวิต จึงได้จัดสิทธิประโยชน์บริการที่ครอบคลุมให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดี โดยเฉพาะบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อชะลอความเจ็บป่วย ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับการรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" น.ส.รัชดา ระบุ