พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก ถือว่าเป็นวิกฤตของประเทศ เป็นวาระแห่งชาติที่จะต้องช่วยกัน ซึ่งได้แถลงนโยบายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ว่า จะมุ่งมั่นในการทำงานแก้ปัญหายาเสพติด ถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนเรื่องแรก
ผบ.ตร. กล่าวว่า ปีนี้เดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทุกมิติ ทั้งการสกัดกั้นการลักลอบขน จำหน่าย ผลิต โดยจะเน้นที่การทำงานของตำรวจในพื้นที่ ทั้งในมิติของงานค้นหาผู้เสพ นำผู้เสพไปบำบัด หรือดำเนินคดี การดำเนินการกับผู้จำหน่าย และแนวทางการป้องกัน และสร้างชุมชนยั่งยืน
ทั้งนี้ ได้ให้นโยบายว่า ตำรวจต้องเยี่ยมเยือนชุมชน ให้รู้จักสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่จริง ต้องอาศัยฐานข้อมูล เช่น ระบบไครม์ (Crime) ดูว่าที่ผ่านมาพื้นที่ไหนมีการจับกุมได้มาก หรือว่าค้นหาผู้เสพได้มาก ถือว่าเป็นชุมชนที่มีปัญหาด้านยาเสพติด ให้หัวหน้าสถานีตำรวจ ผู้บังคับการ (ผบก.) ผู้บัญชาการ เข้าไปขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และตนก็จะเข้าไปขับเคลื่อน นั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปส.ตร.) ด้วยตนเอง
นอกจากนี้ จะเข้าไปตรวจเยี่ยม ตรวจสอบการทำงานด้านยาเสพติดทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด โดยจะไปแบบไม่บอกล่วงหน้านาน ขณะเดียวกัน จะลงพื้นที่ชุมชน สอบถามความคืบหน้าการปฏิบัติตามนโยบายโดยไม่บอกล่วงหน้า ดังนั้น ทุกพื้นที่ต้องทำจริง และเตรียมพร้อมให้ตรวจสอบทุกเมื่อ
"เราต้องช่วยกัน นอกจากในชุมชนแล้ว ในสถานประกอบการ ในสถานบริการก็ละเลยไม่ได้ ก็ต้องทำทุกมิติในพื้นที่ เน้นให้ทำในพื้นที่ตนเอง งบประมาณต่างๆ ก็พยายามจะหางบฯ ให้ ต้องการอะไรก็ร้องขอมา กำลังวางแผนที่จะขอเงินคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาผู้เสพ ผู้ค้าในพื้นที่ การย้ำนโยบายอันนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ ถ้าหัวหน้าหน่วย โดยเฉพาะผมไม่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง การขับเคลื่อนมันจะช้า นอกจากนี้จะมีการจะมอบรางวัลสำหรับผู้ที่เป็นต้นแบบดี รางวัลสำหรับผู้ที่ทำงานดี ก็จะพยายามดำเนินการอย่างจริงจัง แล้วก็เห็นผลเร็ว" ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงต้นปีได้ติดตามคณะไปตรวจงานชุมชนยั่งยืน พบว่า หลายภาคยังทำไม่ดีไม่มีมาตรฐาน ขณะที่ตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 3 และภาค 4 ทำได้ดีเกินมาตรฐาน หลังจากนี้หากพื้นที่ไหนทำคะแนนได้น้อย จะถือว่าเป็นความไม่ใส่ใจของรองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบด้านยาเสพติด ผู้บังคับการ และหัวหน้าสถานี
"เราเปิดโอกาส เพราะว่าต้องการคนทำงานด้วยใจ ทำงานเพื่อประชาชนที่เดือดร้อน เชื่อว่าถ้าทำงานไม่ได้ต้องโทษหัวหน้าหน่วยให้รับผิดชอบทุกอย่าง หากรองผู้กำกับการสายงานสืบ สายป้องกันปราบปราม ไม่ช่วย เกียร์ว่าง ผกก. ก็เสนอมาได้ เสนอผ่านผู้บังคับบัญชา (ผบช.) มาในการแต่งตั้งคราวนี้ หากมีเหตุผลเพียงพอบัญชีลับมา เราก็จะย้ายให้ เพราะหัวหน้าสถานีก็ต้องมีคนทำงานให้เหมือนกัน เราก็เข้าใจซึ่งกันและกัน" ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าจะทำงานด้วยความเข้มข้น แต่ไม่เครียด ทำงานแบบมีความสุข เพราะว่าอยากให้ผลงานออกมา พื้นที่ไหนอยู่ในกลุ่มสีแดง พบผู้เสพที่เข้าข่ายสีแดงไปพูดคุยกับครอบครัวเขา ร่วมมือกับผู้นำชุมวางแผนในการระงับเหตุในการแก้ปัญหาไม่ให้คลุ้มคลั่ง เป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และอยากให้ตำรวจกวาดบ้านตัวเองให้ดี ตรวจสอบตำรวจที่อาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ส่งสัญญาณเตือนก่อน อย่าช่วยกัน และต้องดำเนินคดี
"ส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่ 1 ต.ค. อย่าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ฉะนั้นเรื่องนี้ในแต่ละพื้นที่มักจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ต้องจัดการพวกนี้ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจ ยังฝ่าฝืน ยังทำอยู่ต้องจัดการ ต้องกล้าดำเนินการ กล้าเสนอแนะอย่าให้พวกนี้ทำได้โดยที่รู้ว่าไปทำอะไร ใครเกี่ยวข้องกับการเสพยาต้องสุ่มตรวจ ทำเป็นตำรวจสีขาวให้ได้" ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบแนวทางการทำโครงการชุมชนยั่งยืน ว่า เป็นโครงการที่ต้องทำจริงจัง ทำให้ชุมชนยั่งยืนเป็นลักษณะเป็นไข่แดง ทำหมู่บ้านใกล้เคียงเป็นไข่ขาว เพื่อสนับสนุนให้ฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำนัน เทศบาล ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำกฎหมายใหม่มาใช้อย่างจริงจัง
"ที่สำคัญที่สุด อยากจะเน้นคือการลงระบบซักถาม ตอนนี้กำลังประสานงานอัยการ เพื่อที่จะวางแผนให้ระบบซักถามเป็นหลักฐานที่จะนำไปสู่การจับกุมผู้จำหน่ายให้ได้ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานผ่านผู้เสพ เมื่อมีแนวทางชัดเจนแล้ว ก็จะมีการมอบนโยบายอีกครั้ง การปราบปรามยาเสพติดเป็นงานที่จะต้องช่วยประชาชนที่มีความเดือดร้อนในทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะครอบครัวของเขา ที่เขาลูกหลานติดยา เขาก็อยากให้ลูกหลานเขาหายอยากให้เป็นคนดีกลับสู่สังคม เราต้องพยายามทำทุกมิติ อย่าไปมองว่างานชุมชนยั่งยืนเป็นงานของฝ่ายปกครอง จริงๆ แล้วเป็นงานปราบปรามเชิงรุก ที่จะทำให้เรารู้ถึงคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างแท้จริง" ผบ.ตร.กล่าว