นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบกำหนด 4 มาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด ย้ำดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด เร่งด่วน มีประสิทธิภาพ สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน-ความเชื่อมั่นให้ประชาชน ประกอบด้วย
1. มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน
1.1 กวดขันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน และกระสุนปืนอย่างเข้มงวดในการออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาตและการพกพา
1.2 ผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตรงตามกฎหมาย มีการตรวจสอบและรับรองทางจิตว่าไม่เป็นผู้วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน/สำหรับในส่วนความประพฤติหรือพฤติกรรมต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ว่าไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม และมีมาตรการตรวจสอบทบทวนเพื่อพิจารณาคุณสมบัติในทุกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม
1.3 เพิกถอนใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิต พฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม การใช้ยาเสพติด และมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม
1.4 กวาดล้างจับกุมอาวุธเถื่อนและการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง
1.5 ทบทวนกฎหมายที่จำเป็นให้มีความทันสมัย
2. มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
2.1 ควบคุมการนำเข้าและส่งออกสารเคมีที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด "โซเดียมไซยาไนต์"
2.2 เร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน
2.3 บูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส.
2.4 ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง เพื่อนำไปสู่การบำบัดฟื้นฟู
2.5 สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
3. มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
3.1 ค้นหา คัดกรองผู้ป่วย SMIV เข้าสู่สถานฟื้นฟูฯ ภาคีเครือข่าย
3.2 เร่งรัดการจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้ง สธ.และ อปท. และสถานบำบัดรักษาที่มีมาตรฐานสากล
3.3 บูรณาการการบำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment) ให้ครอบคลุมทุกตำบล
3.4 พัฒนาพฤตินิสัย ร่วมกับการบำบัดฟื้นฟู โดยเฉพาะกลุ่มที่ก่อความรุนแรง หรือเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง และใช้กำไล EM เพื่อการติดตามดูแล
4. การพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต
4.1 จัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง / สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน / หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง
4.2 ทำการบำบัดฟื้นฟูทันที โดยจัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการ จิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ ระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
4.3 ใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการสำคัญ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน โดยมาตรการสำคัญได้แก่การกวดขัน การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนให้มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาต รวมถึงการพกพาอาวุธปืน ส่วนผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องมีการตรวจสอบและรับรองอาการทางจิต โดยจะต้องมีการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม นอกจากนี้ จะต้องมีการตรวจสอบทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามห้วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งต้องมีการทบทวนกฎหมายและกฎกระทรวง ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และให้มีผลออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สำหรับมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเน้นการควบคุม การนำเข้า การส่งออกสารเคมีตั้งต้นที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด "โซเดียมไซยาไนต์" พร้อมเร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน การบูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือว่าจากกำหนดปริมาณการครอบครอง ซึ่งหากมีความจำเป็นก็ต้องปรับแก้กฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะต้องดำเนินการลงโทษโดยเด็ดขาดทุกกรณี
ขณะที่มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้เร่งค้นหาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่การฟื้นฟู เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้งสาธารณสุขและท้องถิ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะต้องเร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่เพื่อจะได้ตรวจสอบคัดกรองได้อย่างตรงจุดและเข้าสู่กระบวนการได้
ทั้งนี้ ชุมชนถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยทางภาครัฐ ในการตรวจสอบหากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง หรือติดยาเสพติดซึ่งจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อติดตามต่อไป
ส่วนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต จะจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตในโรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง ขณะที่การบำบัดฟื้นฟู ให้จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการ จิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ มีระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ได้ให้ความเข้มงวดกับปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ไปเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรง ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด
ขณะที่ในการประชุมวันนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้เสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหลายอย่างต้องใช้ระยะเวลา แต่เรื่องใดที่ทำได้ก็จะดำเนินการทันที พร้อมย้ำว่าทุกคนต้องช่วยกัน โดยสามารถแจ้งข้อมูลมายังช่องทางของภาครัฐ ซึ่งจะเร่งดำเนินการในทันที
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างที่สุด ทั้งเรื่องของผู้เสพ และผู้ค้า รวมถึงผู้เสพรายใหม่ ทุกอย่างต้องทำอย่างเป็นระบบทั้งการป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม บำบัดรักษา ยืนยันรัฐบาลไม่เคยปิดกั้นการรับข้อมูลจากใคร และขอให้แจ้งเข้ามาเพื่อ นำไปสู่การแก้ไขปัญหา