นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้ในหลายพื้นที่ของประเทศยังคงประสบปัญหาน้ำท่วม กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้ระมัดระวังอันตรายจากสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมาหลบซ่อนในบ้านกัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง โดยเฉพาะงู ซึ่งในประเทศไทยมีงูหลายชนิดที่มีพิษร้ายแรง หากถูกกัดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
จากข้อมูลสถิติประเทศไทย ปี 2564 ของกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค จำนวนผู้ถูกงูกัด และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 7,107 ราย เพศชายถูกกัดมากกว่าเพศหญิงเกือบ 2 เท่า ส่วนใหญ่พบผู้ถูกงูกัดในช่วงฤดูร้อนถึงฤดูฝน คือช่วงเดือนเมษายน - พฤศจิกายน โดยในเดือนตุลาคม พบผู้ป่วยในจากสาเหตุงูกัดสูงสุดจำนวน 779 ราย ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและลูกจ้างทั่วไป
สำหรับคำแนะนำการป้องกันสัตว์มีพิษในช่วงน้ำท่วม คือ 1.สอดส่องและสังเกตมุมอับของบ้านเป็นประจำ ติดตั้งไฟส่องสว่างให้เพียงพอ 2.สำรวจที่นอน ยกที่นอนให้สูงจากพื้น หากกางมุ้งได้ควรกางมุ้ง 3.สำรวจเสื้อผ้า รองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง และสวมรองเท้าบูทเมื่อเข้าสวน 4.ทำความสะอาดบ้านและดูแลบ้านให้เป็นระเบียบ 5.หลีกเลี่ยงการเดินในที่แคบหรือมีหญ้ารกขึ้นสูงในช่วงเวลากลางคืน
นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่ถูกงูกัดควรปฐมพยาบาลให้ถูกวิธี ดังนี้ 1.บีบเลือดบริเวณบาดแผลออก เพื่อขจัดพิษงูออกจากร่างกาย 2.ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและฟอกสบู่หรือน้ำด่างทับทิม ใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง 3.พยายามให้อวัยวะที่ถูกกัดเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด อาจดามบริเวณดังกล่าวให้อยู่ในระดับต่ำกว่าหัวใจ ห้ามขันชะเนาะ หรือรัดเชือกแน่นเหนือแผล เพราะเสี่ยงอวัยวะขาดเลือด อาจสูญเสียอวัยวะได้ พร้อมทั้งให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ หากพบ งูหรือสัตว์มีพิษเข้าบ้านควรตั้งสติให้ดี และโทรขอความช่วยเหลือได้ที่ 199 หรือหากได้รับบาดเจ็บให้โทร 1669