นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส) เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ส.มีนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 66-70 ประกอบด้วย แผน 6 ด้าน สำหรับการปราบปรามยาเสพติดจะดำเนินการควบคู่ไปกับนโยบายและแผนด้านการตรวจยึดทรัพย์สิน ซึ่งช่วยให้การปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อมีการขยายผลการจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด เพื่อทำลายเครือข่ายงานการค้าทั้งขบวนการ ซึ่งจะนำไปสู่การยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง
"จะปราบปรามยาเสพติดอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้มาตรการในการยึดทรัพย์สินควบคู่ไปด้วย เนื่องจากขบวนการค้ายาเสพติดมีกลุ่มเครือข่าย มีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายคน หากจับกุมได้เพียงแต่ผู้กระทำผิดซึ่งเป็นผู้รับจ้างขน จะไม่มีทรัพย์สินให้ยึด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ คือเรื่องของการขยายผลจากคดีที่จับกุม ขยายผลครอบคลุมทั้งขบวนการและเครือข่าย ตั้งแต่ผู้ขน ผู้สั่งการ ผู้ดำเนินการ เรื่องเงิน ผู้ดำเนินการด้านธุรกิจด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด จึงจะไปสู่มาตรการการยึดทรัพย์สินและลงโทษ ดังนั้นจะต้องมีการจับกุมทั้งตัวยา และสืบสวนขยายผลทั้งทรัพย์สินและเรื่องของการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดด้วย และใช้มาตรการยึดทรัพย์ควบคู่ไปด้วย" นายวิชัย กล่าว
จากสถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปี 62 มียอดคดีถึง 373,598 คดี มีผู้ต้องหาถึง 389,520 คน และภาพรวมมีแนวโน้มลดลงทุกปี จนมาถึงปี 65 มีคดี 258,629 คดี มีจำนวนผู้ต้องหา 266,726 คน จะเห็นว่า ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ต้องหาและจำนวนคดีลดลงเกือบแสน คดียาเสพติดลดลงเช่นกัน แต่จะสวนทางในเรื่องของการยึดทรัพย์ เรียกว่าเป็นปฏิภาคผกผัน เราจะเห็นได้ว่า ปี 62-63 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส.ยึดทรัพย์ได้ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท แต่ปี 64 เรายึดได้มากกว่า 7,000 ล้านบาท และปี 65 เรายึดได้กว่า 11,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าหมายสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์สินให้ได้ 100,000 ล้านบาท ประมาณ 1,000 เครือข่าย
สำหรับแนวทางการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ปัจจุบันผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังจับกุมไม่ได้มี 8,040 คดี ประกอบด้วย ผู้ที่กระทำความผิดที่หลบหนีหมายจับประเทศเพื่อนบ้าน พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะเข้าไปพัวพันกับกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดและด้วยบุคคลที่มีหมายจับติดตัวอยู่แล้ว เหมือนเป็นใบเบิกทางเพิ่มความน่าเชื่อถือเพื่อช่วยยืนยันว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อำพรางตัวมา และอีกประการหนึ่งคือ รู้จักกลุ่มผู้ค้าของประเทศต้นทางได้มากขึ้น ทำให้สามารถเป็นตัวกลางที่จะนำยาเสพติดจากแหล่งผลิตเข้ามาในประเทศ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีเหล่านี้มาดำเนินคดีให้ได้ สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อเป็นรางวัลนำจับให้กับผู้จับกุมบุคคลที่มีหมายจับและหลบหนีอยู่
"ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ประสานความร่วมมือในการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ร่วมกับประเทศเมียนมาและประเทศลาว สำหรับกรณีที่มีการทำความผิดที่ต่างประเทศต้องรอให้การดำเนินคดีในประเทศนั้นเสร็จจึงจะส่งตัวกลับมาดำเนินการต่อ สำหรับบุคคลที่มีหมายจับ สำนักงาน ป.ป.ส.สามารถนำหมายจับผู้กระทำผิดไปตรวจสอบคดีย้อนหลังเพื่อยึดทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวทางการเงิน แล้วจึงใช้มาตรการขยายผลยึดทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้จะจับตัวผู้กระทำความผิดไม่ได้ก็ตาม และยังสามารถยึดทรัพย์สินเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดต่อไป" นายวิชัย กล่าว