นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังนำคณะผู้บริหารร่วมประชุมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ได้หารือใน 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องการทำงานร่วมกัน โดยจะมีการตั้งคณะทำงานใน 4 ด้าน ได้แก่
ด้านที่ 1 คณะทำงานโครงการ Smart City Zone ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการมาแล้ว 3 รุ่น และจะทำการขยายพื้นที่ปลอดภัย โดย กทม.จะร่วมมือในด้านการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง ทำป้ายบอกทาง ทำทางเท้าให้ดี และบูรณาการกล้อง CCTV เพื่อให้ Smart City Zone กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพมหานคร
ด้านที่ 2 คณะทำงานเรื่องยาเสพติด โดย กทม.รับผิดชอบเรื่องการบำบัด การดูแลผู้ป่วย รวมทั้งข้อมูลในชุมชน ส่วนตำรวจรับผิดชอบการข่าวและการจับกุม ซึ่งคณะทำงานจะร่วมกันคัดเลือกชุมชนตัวอย่างในแต่ละเขตที่พัฒนาต่อต้านยาเสพติด ปรับผู้ป่วยให้ผู้เสพแล้วทำการรักษา และขยายผลให้ครบทุกเขต
ด้านที่ 3 คณะทำงานเรื่องการจราจร ซึ่งมี 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ความปลอดภัยด้านการจราจร 2.การจราจรติดขัด และ 3.การนำเทคโนโลยีมาใช้ระบบ Intelligent Traffic Management System (ITMS)
ด้านที่ 4 คณะทำงานด้านโซนนิ่ง (Zoning) ของสถานบริการ ปัจจุบันกฎหมายส่วนหนึ่งเป็นกฎหมายที่เก่าบางครั้งไม่ตอบโจทย์เนื่องจากสภาพเมืองเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขัดต่อสภาพการบังคับใช้ คณะทำงานอาจจะร่วมกันศึกษาเรื่องโซนนิ่งให้ตอบโจทย์ และเสนอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเร่งด่วน 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องแรก การประชุมเอเปก ซึ่ง กทม.เป็นเจ้าของพื้นที่ ต้องมีการบริหารจัดการพื้นที่สวนเบญจกิตติ การอบรมพนักงานกวาด พนักงานเก็บขยะ เจ้าหน้าที่เทศกิจในการช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าที่ตำรวจ รวมทั้งสนับสนุนกล้อง CCTV เพิ่มในส่วนจุดที่เป็นฟันหลอ เรื่องที่ 2 การอบรมนักเรียนเรื่องแอคทีฟชู้ตเตอร์ (Ative Shooter) กรณีเกิดมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งจะขยายผลไปในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 437 แห่ง รวมทั้งการให้ความรู้เรื่องการ CPR และความรู้ที่มีความจำเป็นต่างๆ ซึ่งกำหนดให้แล้วเสร็จภายในภาคการศึกษานี้ เรื่องที่ 3 เรื่องปัญหาการจราจร ซึ่งที่ผ่านมามีคณะทำงานแล้วมีการศึกษา 270 จุด ซึ่งเป็นจุดฝืดและการฝ่าฝืนการจราจร จะมีการรณรงค์แก้ไขปัญหาการจราจร วินัยการจราจร และแก้ไขจุดฝืดอย่างจริงจัง คาดว่าจะเริ่มภายในเดือน พ.ย.นี้