นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงร่วมกับสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าโครงการ "ปลาทูคู่ไทย" รวบรวมพ่อแม่พันธุ์มาเพาะเลี้ยงในระบบปิด สร้างระบบน้ำหมุนเวียน ปรับสภาพการเลี้ยงให้เหมาะสมกับระบบนิเวศในทะเล พร้อมฉีดฮอร์โมนพ่อแม่พันธุ์ปลาทูกระตุ้นการวางไข่สำเร็จครั้งแรกของโลก โดยการฉีดฮอร์โมนสามารถคุมรอบการตกไข่ของปลาทูได้มากขึ้น พบสัญญาณดีปลาทูวางไข่มากถึง 3 หมื่นฟอง หวังช่วยทดแทนปริมาณการจับปลาทูในธรรมชาติให้ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ปลาทูคืนสู่ท้องทะเลไทย
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ปลาทู เป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเป็นที่นิยมในการบริโภคของคนไทยมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันทรัพยากรผลผลิตปลาทูในธรรมชาติลดจำนวนน้อยลง ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากจากการพัฒนาเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม และการพัฒนาเครื่องมือการทำประมงให้มีประสิทธิภาพในการจับที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ กรมประมงได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับชาวประมงทั้งพาณิชย์และพื้นบ้าน เพื่อหามาตรการที่จะควบคุมการทำประมง เพื่อทำให้ปลาทูในอ่าวไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการปิดอ่าว และการเพาะขยายพันธุ์ เพื่อช่วยทดแทนการจับปลาทูที่มากจนเกินกำลังผลิตของธรรมชาติ
"กรมประมงได้ศึกษาวิจัยเพาะขยายพันธุ์ปลาทู เพื่อลดการใช้ทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติจนประสบความสำเร็จสามารถเพาะพันธุ์ได้สำเร็จเมื่อปี 54 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปลาทูเป็นปลาที่มีความอ่อนแอ บอบบาง จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำขึ้นจากทะเลมาเพาะเลี้ยงโดยไม่ให้บอบช้ำหรือตายไปเสียก่อน" นายเฉลิมชัย กล่าว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมประมงได้รวบรวมข้อมูลทางด้านชีววิทยา ฤดูกาลวางไข่ ลักษณะของนิเวศที่อยู่อาศัย ฯลฯ มาศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ด้านงานวิชาการและประยุกต์ใช้ในการผลิตปลาทู ทั้งด้านการเพาะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์และเชิงพาณิชย์ อาทิ การพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ ด้วยการให้อาหารที่มีคุณภาพ และการใช้ระบบน้ำหมุนเวียน เทคนิคการลำเลียงพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติ การอนุบาลลูกพันธุ์เพื่อเพิ่มอัตราการรอด ฯลฯ
ปัจจุบัน นอกจากการดำเนินงานตามแผนการอนุรักษ์แล้ว กรมประมงยังได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินการโครงการ "ปลาทูคู่ไทย" เพื่อจัดการองค์ความรู้สู่การสรุปแบบเบ็ดเสร็จ (one stop) ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของปลาทูไทย ที่จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางเชิงนโนบาย เพื่อแก้ไขปัญหาปลาทูที่มีโอกาสสูญพันธุ์จากปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการประมงและอุตสาหกรรมปลาทูของประเทศ ด้วยการจัดระบบตามห่วงโซ่คุณค่าของทรัพยากรทางทะเล ควบคู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดการและด้านการเพาะเลี้ยง
ล่าสุด โครงการได้ดำเนินการโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลาทูฉีดฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพาะขยายพันธุ์ปลาทู โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเพชรบุรี ได้รวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติมาขุนเลี้ยงและทดลองฉีดฮอร์โมนตามรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งมีโอกาสได้ลูกปลาทูมากกว่าวิธีตามธรรมชาติที่ปลาทูจะมีฤดูวางไข่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ความท้าทายอยู่ที่การปรับสภาพการเลี้ยงให้คล้ายคลึงกับระบบนิเวศในทะเล และต้องปรับพฤติกรรมปลาให้คุ้นเคยกับทีมนักวิจัย เนื่องจากปลาทูเป็นปลาที่ตื่นตกใจง่าย ดังนั้น การจับปลาทูขึ้นมาฉีดฮอร์โมนจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก จึงนับเป็นอีกผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมประมงในการพัฒนาผลงานวิจัยด้านต่างๆ เพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืนสืบไป
"นับได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก ในการทดลองฉีดฮอร์โมนกระตุ้นการวางไข่ของปลาทู จากอดีตที่ปล่อยให้พ่อแม่พันธุ์ปลาทูผสมกันเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นความหวังในการเพาะพันธุ์ปลาทู เพื่อปล่อยสู่ทะเลในเชิงอนุรักษ์ หรือการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาทูเชิงพาณิชย์ต่อไป" นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า นอกจากมาตรการที่ช่วยกันดูแลทรัพยากรปลาทูจากการทำการประมงแล้ว ทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมได้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรปลาทูได้ คือ ไม่บริโภคปลาที่มีไข่ หรือปลาตัวเล็กๆ ปล่อยให้ปลาเหล่านี้ได้เติบโตมาเป็นอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีมูลค่าที่เศรษฐกิจดีกว่า หากทุกคนช่วยกัน กรมประมงเชื่อว่าท้องทะเล ทรัพยากรประมง จะกลับคืนความอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง