นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ และแสดงความยินดีในการเข้ารับหน้าที่ของเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมกับชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่เติบโตอย่างมีพลวัตในช่วงเวลาที่ผ่านมา และในปีนี้จะครบรอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ
พร้อมชื่นชมเอกอัครราชทูตฯ เชื่อมั่นว่า ความรู้และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตฯ จะสนับสนุนความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ เป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานของเอกอัครราชทูตในทุกมิติอย่างเต็มที่ และได้อวยพรให้เอกอัครราชทูตฯ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่และมีความสุขในการพำนักในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ฝากความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเข้าใจดีถึงเหตุผลที่ประธานาธิบดีไบเดน ไม่สามารถเดินทางร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่กรุงเทพฯ แต่คาดว่าจะได้พบกันระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัมพูชา ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมให้การต้อนรับรองประธานาธิบดีสหรัฐ คามาลา แฮร์ริส เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ด้านเอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณการต้อนรับของรัฐบาลไทยและประชาชนไทย รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ อย่างมาก เอกอัครราชทูตฯ ตั้งใจทำงานเพื่อจะกระชับความสัมพันธ์ในทุกระดับให้แน่นแฟ้น ทั้งรัฐบาลต่อรัฐบาล ธุรกิจต่อธุรกิจ ประชาชนต่อประชาชน
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานของไทยเพื่อจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสการครบครอบ 190 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทย ในการจัดเตรียมการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคฯ ซึ่งจัดเตรียมได้อย่างเรียบร้อยเหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดหัวข้อหลักของการประชุมด้วย
พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกัน โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เช่น การขยายการลงทุนของภาคเอกชนสหรัฐฯ และการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และความร่วมมือด้านพลังงานและเทคโนโลยีสะอาด
นอกจากนี้ ไทยและสหรัฐฯ ต่างยืนยันการสนับสนุนบทบาทอย่างสร้างสรรค์ระหว่างกันในภูมิภาค และอนุภูมิภาค โดยพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น อาเซียน ACMECS และ Mekong - US Partnership รวมทั้งกลไกที่สหรัฐฯ ริเริ่มขึ้น เช่น กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF)
ทั้งนี้ ไทยจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด และประสงค์ ที่จะเห็นความก้าวหน้าและประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชนในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระหว่างประเทศ ที่ทั้งสองฝ่ายสนใจอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ได้ขอบคุณและชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ได้ใช้ความรู้และประสบการณ์ของไทยในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา ผ่านทั้งช่องทางทวิภาคี กรอบอาเซียน และองค์การระหว่างประเทศ