สทนช.เล็งหาพื้นที่แก้มลิงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม,แก้น้ำท่วมหนักท้ายเขื่อน

ข่าวทั่วไป Sunday November 13, 2022 16:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาแก้มลิงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ว่า สถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 3,000 ลบ.ม./วินาที ส่งผลกระทบให้พื้นที่จังหวัดตอนล่างถูกน้ำท่วมต่อเนื่องยาวนานและได้รับผลกระทบในวงกว้าง

โดย สทนช.ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการได้ทันทีในระยะเวลาปี 2566-2568 คือการเพิ่มพื้นที่แก้มลิง พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่สาธารณะที่จะช่วยตัดยอดน้ำตอนบนก่อนหลากลงมายังหน้าเขื่อนเจ้าพระยาอย่างน้อยประมาณ 1,000 ล้าน ลบ.ม.ภายในปี 66 เสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. ซึ่งจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่สามารถนำมาบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้นอกเหนือจากโครงการ 9 แผนหลักลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการบางบาล-บางไทร โครงการชัยนาท-ป่าสัก ฯลฯ

ทั้งนี้ จากการสำรวจสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและสำรวจแนวทางการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาร่วมกับกรมชลประทาน ได้จัดกลุ่มพื้นที่รับน้ำเป็น 3 กลุ่มหลักที่ต้องวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการพัฒนาพื้นที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนและนำมาใประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ทั้งในด้านงบประมาณ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 พื้นที่สาธารณะ บึงธรรมชาติ เช่น บึงสีไฟ บึงบอระเพ็ด ซึ่งมีความพร้อมและสามารถดำเนินการทันที เช่น การขุดลอก ยกระดับสันเขื่อนดินเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก กลุ่มที่ 2 พื้นที่รับน้ำจากเทือกเขา เพื่อชะลอและเก็บกักน้ำไว้ใช้ทำเกษตร และกลุ่มที่ 3 พื้นที่ลุ่มต่ำ แก้มลิง ซึ่งต้องผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม รวมถึงมาตรการที่จะเป็นแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการ หากจำเป็นเร่งด่วนอาจจะต้องเสนอขอรับงบกลางในการดำเนินการเพื่อให้สามารถทำได้ทันที

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรมและมอบหมายหน่วยงานเจ้าภาพที่ชัดเจนตามพื้นที่รับผิดชอบในการพัฒนาแหล่งน้ำตามศักยภาพ สทนช.จะเป็นเจ้าภาพประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเหนือเขื่อนเจ้าพระยา 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร และสุโขทัย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ กรมประมง กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุทยานฯ และ กอ.รมน. เป็นต้น ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ เพื่อร่วมกันในการพิจารณาแนวทางดำเนินการหาพื้นที่รับน้ำ รวมถึงพิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เพื่อเร่งดำเนินการหน่วงน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้เร็วที่สุดก่อนถึงฤดูฝนปี 66 อย่างน้อย 1,000 ล้าน ลบ.ม. ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบประมาณปลายเดือน ธ.ค.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ