นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยข้อมูลการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญจากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลปริมาณการผลิตสินค้าเกษตร โดยพบว่า สินค้าเกษตรที่สำคัญปีนี้ มีผลผลิตหลายชนิดเพิ่มขึ้น อาทิ ปาล์มน้ำมัน, มันสำปะหลังโรงงาน, กุ้งขาวแวนนาไม เนื่องจากราคาที่อยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะเดียวกัน สินค้าเกษตรบางชนิดมีโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐ ได้แก่ โครงการประกันรายได้ และความต้องการผลผลิตเพื่อใช้ในประเทศและเพื่อการส่งออกมีเพิ่มขึ้น จึงจูงใจให้เกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูก และเนื้อที่เลี้ยง รวมทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกต่อเนื่องตลอดปี 65 เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช และเกษตรกรให้การดูแล มีการบริหารจัดการที่ดี ใช้พันธุ์ดี ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หากพิจารณาสินค้าแต่ละชนิด (ข้อมูลพยากรณ์ ณ ต.ค. 65) พบว่า
- ปาล์มน้ำมัน 65 คาดว่า เนื้อที่ให้ผลรวมทั้งประเทศ 6.150 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.93% ให้ผลผลิตรวมทั้งประเทศ 18.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8.94% โดยผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลทั้งประเทศ 2,994 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้น 8.94% โดยเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นจากเนื้อที่ที่ปลูกเมื่อปี 62 เพราะราคาดี จึงมีการปลูกทดแทนพืชอื่น ได้แก่ เงาะ ลองกอง กาแฟ ยางพาราที่อายุมาก ส่วนผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนช่วงปลายปี 64 ถึงตลอดปี 65 ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำหนักทะลายเพิ่มขึ้น
- มันสำปะหลังโรงงาน ปี 66 (ปีเพาะปลูก 65/66) เป็นมันสำปะหลังโรงงาน ที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเดือนต.ค. 65 ถึงเดือนก.ย. 66 ซึ่งคาดว่าเนื้อที่เก็บเกี่ยวรวมทั้งประเทศ 10.11 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1.93% ผลผลิตรวมทั้งประเทศ 34.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.18% ส่วนผลผลิตต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว ทั้งประเทศ 3,436 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้น 0.26% ซึ่งเนื้อที่เก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้นจากราคาที่จูงใจ โดยขยายพื้นที่ปลูกทดแทนอ้อยโรงงาน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีต้นทุนการผลิตสูงกว่า ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนดีตลอดปี 65 แม้ว่าจะได้รับอิทธิพลของพายุโซนร้อนมู่หลาน ในเดือนส.ค. 65 และพายุใต้ฝุ่นโนรู ในช่วงปลายเดือนก.ย. 65 ก็ตาม
- กุ้งขาวแวนนาไม ปี 65 เนื้อที่เลี้ยงรวมทั้งประเทศ 270,601 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.90% ปริมาณการผลิต รวมทั้งประเทศ 377,997 ตัน เพิ่มขึ้น 2.12% ส่วนผลผลิตต่อไร่ต่อปี รวมทั้งประเทศ 1,397 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้น 1.23% โดยเนื้อที่เลี้ยงปี 65 ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง ทำให้การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ความต้องการบริโภคทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทั้งห้องเย็นและโรงงานแปรรูปเพื่อส่งออกมีความต้องการซื้อเพิ่ม
ดังนั้น เกษตรกรจึงยังคงเลี้ยงกุ้งต่อเนื่อง แม้ว่าเกษตรกรยังคงประสบปัญหาการระบาดของโรคกุ้ง เช่น โรคขี้ขาว ไวรัสตัวแดงดวงขาว โรคหัวเหลือง และต้นทุนอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่มีผลกระทบต่อการเลี้ยงมากนัก เนื่องจากเกษตรกรมีการบริหารจัดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเลี้ยงมาใช้แนวทางชีวภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้กุ้งมีอัตราการรอดดี
ด้านนายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการ สศก. กล่าวว่า ยังมีกลุ่มสินค้าเกษตรบางชนิด ที่คาดการณ์ว่าผลผลิตจะลดลงจากปีที่แล้ว เช่น ข้าวนาปี ยางพารา ปลานิล เป็นต้น เนื่องจากผลกระทบของอุทกภัยจากพายุโนรู และฝนที่ตกต่อเนื่อง ทำให้จำนวนวันกรีดยางลดลง รวมทั้งประสบปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ส่งผลให้ไม่สามารถกรีดยางได้
ส่วนข้าวนาปี และปลานิล ผลผลิตลดลง เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยโนรู ประกอบกับราคาปัจจัยการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เช่น ปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ส่งผลให้เกษตรกรบางรายบำรุงดูแลผลผลิตได้ไม่เต็มที่ โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ส่วนหนึ่งปรับตัวโดยหันมาลดการใส่ปุ๋ยเคมีและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
"สศก. จะยังคงติดตามสถานการณ์การผลิต ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง สภาพภูมิอากาศ โรคระบาดในพืชและสัตว์ ในช่วงการเจริญเติบโต จนถึงช่วงเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิต เพื่อนำมาปรับค่าพยากรณ์ต่อไป โดย สศก. จะมีการปรับค่าพยากรณ์สินค้าเกษตรเป็นรายไตรมาส" นายวินิต กล่าว