นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า บอร์ด กสทช.วานนี้มีฉันทามติทั้ง 6 เสียงให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) คืนเงิน 600 ล้านบาทที่ใช้สนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกปี 2002 รอบสุดท้าย ภายใน 15 วัน หลังจากไม่สามารถปฏิบัติได้ตามบันทึกข้อตกลง (MOU) ไว้ทั้งที่ กสทช.ได้ย้ำกับทาง กกท.เกี่ยวกับเกณฑ์ Must Carry ที่ทุกแพลตฟอร์มต้องได้รับการถ่ายทอดสดรายการฟุตบอลโลกปี 2022 รอบสุดท้าย แต่ก็ยังมีปัญหาว่า ช่อง IPTV จอดำ
เมื่อวานนี้ได้ส่งหนังสือไปถึง กกท. แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อเข้ามาหารือแต่อย่างใด
"การเรียกคืนเงินสนับสนุนก็เป็นทางเลือกหนึ่ง บอร์ดได้ส่งหนังสือให้แจ้ง กกท.แล้ว ซึ่งก็ต้องให้โอกาส กกท.ดำเนินการ คงต้องมาคุยกันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดย กสทช.หวังว่าก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศจะได้ชมกันทุกแพลตฟอร์ม เราคาดหวังว่ากกท.คงจะปฏิบัติตาม"
นพ.สรณ กล่าวว่า กสทช.ยังไม่เห็นเรื่องที่ กกท.ไปทำสัญญากับบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ด้วยการที่ TRUE จ่ายเงินสมทบซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก ปี 2022 ซึ่งเข้าใจว่าจะยึดตามกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ทาง กสทช.จะยึดตามกฎ Must Carry
"เราทำ MOU กับ กกท.แต่เราไม่ได้ทำ MOU กับทรู ถามว่าเรามีอำนาจมากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้ทำ MOU กับทรู แต่ทำ MOU กับ กกท. ฉะนั้นเราเพียงกำกับให้ กกท.ทำตาม MOU กับเราไว้ "ประธานบอร์ด กสทช.กล่าว
นพ.สรณ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ ยังไม่รู้ว่า กกท. จะนำเงินจากส่วนไหนมาคืน เพราะถ้ามีเงินคงไม่มาขอรับการสนับสนุนจาก กสทช. ซึ่งหากไม่คืน การฟ้องศาลปกครองก็เป็นทางเลือก หาก กกท. ไม่นำเงินมาคืนภายใน 15 วัน อย่างไรก็ตาม หาก กกท. ยกเลิกเอ็มโอยูที่ทำร่วมกับทรู และเปิดให้ประชาชนได้รับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกได้อย่างทั่วถึง ก็เป็นทางเลือกหนึ่งของ กกท. ในการแก้ปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม หาก กกท.ไม่จ่ายเงินคืน กสทช. ก็จะปรึกษาอัยการเกี่ยวกับการเรียกเงินคืน แม้ว่าการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ปี 2022 จะจบลงไปแล้ว
นอกจากนี้ กสทช.จะต้องทบทวนกฎ Must Carry เป็นปัญหาที่กสทช.ต้องแก้ไข ต้องคิดกันอย่างรอบคอบ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะยกเลิกกฎ Must Carry