นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดกิจกรรม "อสม.เชียงใหม่ รวมพลังกายใจ นำประชาชนไทยรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น" ว่า สถานการณ์โควิด-19 ของไทยในขณะนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานและแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น
โดยกระทรวงฯ เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนเพื่อลดการป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยมีเป้าหมายให้ทุกจังหวัดฉีดวัคซีนรวมได้อย่างน้อย 2 ล้านโดส ภายในเดือน ธ.ค.65 เน้นสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอ
ซึ่งในช่วงรณรงค์ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.65 ถึงปัจจุบัน ฉีดไปแล้วกว่า 8 แสนโดส และตั้งแต่เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนมา ได้ให้บริการฉีดวัคซีนสะสมกว่า 145 ล้านโดส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2565 ที่มีแนวคิด "Health for Wealth : คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งคั่ง" สู่เป้าหมาย "คนไทยแข็งแรง เศรษฐิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง"
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพื้นที่มากขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้ ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.65 จึงมีการจัดกิจกรรม "ชาวเชียงใหม่ฮ่วมใจ๋ฉีดวัคซีนโควิด เข็มกระตุ้น" โดยเปิดหน่วยฉีดทั้งเชิงรับในโรงพยาบาล และบริการหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุก (mobile vaccine unit) ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ชุมชน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และโรงเรียน พร้อมทั้งให้ อสม. เป็นเครือข่ายช่วยประชาสัมพันธ์กระตุ้นประชาชนให้เข้ารับวัคซีน
สำหรับกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนในวันนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยคนละ 4 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4-10 ธ.ค.65 พบผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 3,961 ราย เฉลี่ย 565 รายต่อวัน แม้ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว แต่มีจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้นเป็น 649 ราย หรือคิดเป็น 3% จำนวนผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 385 ราย หรือ 10% นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตรวม 107 ราย เฉลี่ย 15 รายต่อวัน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยพบว่ากลุ่ม 608 เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดถึง 97% ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย และไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน
"กรมควบคุมโรค ขอย้ำมาตรการที่สำคัญสำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่ม 608 ขอให้ไปรับวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 4 เข็ม ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้รีบไปฉีดวัคซีนเข็มถัดไป เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันการป่วยหนัก และลดการเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 โดยไม่ต้องรอวัคซีนรุ่นใหม่" นพ.ธเรศ กล่าว