นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ กนอ.กำชับไปยังนิคมอุตสาหกรรม 67 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ใน 16 จังหวัด เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังความปลอดภัย และป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดยาวนั้น กนอ.ได้ขอความร่วมมือไปยัง นิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรมทุกแห่ง ให้เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ รวมถึงการบาดเจ็บจากกระบวนการผลิตที่มีการใช้สารเคมีอันตรายร้ายแรง (Highly Hazardous Chemicals)
ทั้งนี้ ตามระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management : PSM) ซึ่งเป็นมาตรการบริหารจัดการและส่งเสริมผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายร้ายแรง หรือมีปริมาณครอบครองของเหลวไวไฟ หรือก๊าซไวไฟตามปริมาณที่กำหนดต้องปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันควบคุม และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง กนอ.ได้ออกเป็นข้อบังคับฯ และมีผลบังคับใช้กับโรงงานที่เข้าข่ายในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งแล้ว
"ได้กำชับให้นิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรมทุกแห่ง มอบหมายให้พนักงานปฏิบัติงานนอกเวลาทำการ และในช่วงวันหยุดยาวตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำหนดมาตรการกำกับดูแล เฝ้าระวัง หากเกิดกรณีฉุกเฉิน โดยให้ประสานงานร่วมกันระหว่างสำนักงานนิคมอุตสาหกรรม /ท่าเรืออุตสาหกรรม และศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ศสป.) กนอ.สำนักงานใหญ่ รวมถึงต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กนอ. ในเรื่องของการรายงานข้อเท็จจริงกรณีเกิดเหตุ และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ให้ผู้อำนวยการสำนักนิคมฯ/ท่าเรือฯ ทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อประเมินระดับความรุนแรงและผลกระทบอย่างทันท่วงที" นายวีริศ กล่าว
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่คาดการณ์ว่าหลังปีใหม่จะมีการติดเชื้อระลอกเล็กๆ (Small wave) ซึ่งปัจจุบันคนทั่วไปมีภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ หรือจากการฉีดวัคซีนก็ตาม ทำให้เมื่อเกิดการติดเชื้ออาจไม่มีความรุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลตนเอง และบุคคลใกล้ชิด เพื่อความไม่ประมาท
"เทศกาลปีใหม่มีหลายกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ กิจกรรมเฉลิมฉลอง กิจกรรมรวมญาติ รวมถึงการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ขอให้ผู้ประกอบการ พนักงาน ใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาท โดยเฉพาะการใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่แออัด และมีผู้คนชุมนุมจำนวนมาก" นายวีริศ กล่าว