นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า วันนี้เป็นการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสาธารณสุข คมนาคม และการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ภายในประเทศต่างๆ ให้ได้รับทราบมาตรการรองรับนักท่องเที่ยวจีน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศไทย
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าช่วงแรกจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 40,000-50,000 คน ซึ่งหากเป็นจำนวนนี้ ถือว่าเป็นวิถีที่ไทยรับมือได้อยู่แล้ว โดยยืนยันว่า ไม่มีการจำกัดโซนนิ่งสำหรับการท่องเที่ยว และไม่มีการแยกนักท่องเที่ยวว่ามาจากประเทศไหน เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อ แต่หากมีการติดเชื้อในสายพันธุ์ใหม่เข้ามา สามารถเปลี่ยนมาตรการในการดูแลได้ ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะมีการรายงานติดตามอย่างใกล้ชิดตามขั้นตอนหนึ่ง และทุกอย่างมีมาตรการทางการแพทย์ซึ่งขณะนี้การติดตามสถานการณ์ภายใต้พ.ร.บ.โรคติดต่อ
โดยใช้วิทยาการทางการแพทย์ด้านสาธารณสุข จากกรมควบคุมโรค เป็นผู้กำหนดมาตรการออกมาเป็นแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งในหลักการคือ พยายามอย่างเต็มที่ปฏิบัติต่อทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไทยไม่มีปัญหาความสัมพันธ์กับจีนเพราะเป็นมิตรประเทศกันมานาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะยังใช้มาตรการเดิมรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะทุกประเทศมีการติดเชื้อและคนไทยเองต้องป้องกันด้วยวัคซีน เน้นให้คนไทยทุกคนฉีดวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม เพื่อความปลอดภัยลดความเสี่ยงของการป่วยหนักและเสียชีวิต นอกเหนือจากนั้นก็ใช้มาตรการเดิม หากเข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงก็ใช้การสวมใส่หน้ากาก และทำตามมาตรฐานสากล
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนรวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะเข้ามาในประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการคัดกรองด้วย Antigen Test Kit (ATK) หรือ RT-PCR เนื่องจากนักท่องเที่ยวทุกคนมีการตรวจคัดกรองมาจากประเทศต้นทางอยู่แล้ว และก่อนกลับเข้าประเทศตนเองก็มีการตรวจ PCR ก่อนเข้าประเทศ 48 ชั่วโมง ขณะที่ก่อนจะออกจากประเทศก็ต้องมีการฉีดวัคซีน และเพื่อความสะดวกควรจะต้องมีประกันสุขภาพมาด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาก็มีแล้ว ด้านท่าอากาศยานก็มีการสุ่มตรวจ และด่านตรวจคนเข้าเมืองก็มีการคัดกรองเบื้องต้น
นอกจากนี้ ในวันนี้จะถามกระทรวงการท่องเที่ยวถึงความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินของนักท่องเที่ยว ซึ่งค่าเหยียบแผ่นดินเปรียบเสมือนการทำประกันนักท่องเที่ยว ในการดูแลรักษาหากมีการเจ็บป่วยไม่ใช่เฉพาะโรคโควิดแต่เป็นโรคอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็มีการเตรียมงบประมาณเรื่องการดูแล
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีแนวทางการให้วัคซีนฟรีแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งหากนักท่องเที่ยวต้องการฉีดวัคซีนชนิดอื่นๆ ก็เปรียบเสมือนการบริการทางการแพทย์ จะต้องมีการเก็บค่าใช้จ่าย และจะมีการกำหนดราคาวัคซีนอีกครั้ง
นายอนุทิน ยืนยันว่า ไทยมีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากคนไทยมีการติดเชื้อมาระดับหนึ่ง และมีการฉีดวัคซีน มียาและเวชภัณฑ์ มีเตียงและหมอ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม) ที่มีความพร้อมและเข้าใจสถานการณ์ในการรักษาโรคโควิด ซึ่งถือว่าทุกอย่างเป็นปัจจัยบวก ที่พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวจีนที่หนีออกจากเกาหลี นายอนุทินระบุว่า อย่าเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ที่นี่ประเทศไทย และอาจารย์แพทย์หลายคนได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเพื่อให้ความมั่นใจแก่คนไทยถึงการจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นความเชื่อมั่น เพราะแต่ละท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง