นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุช (สธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันเริ่มมีตู้กาแฟกัญชา และตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีส่วนผสมของกัญชา วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าหรือบริเวณต่างๆ ทั้งนี้ ตู้กาแฟรวมถึงตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติที่มีส่วนผสมของกัญชา ถือเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต้องขออนุญาตราชการส่วนท้องถิ่นก่อนดำเนินการ และต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นๆ
ขณะเดียวกัน เน้นย้ำว่า ผู้ประกอบกิจการควรติดป้ายสัญลักษณ์ หรือแสดงข้อความเตือนให้ชัดเจน และแสดงข้อแนะนำความปลอดภัยในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ผู้ที่แพ้กัญชา บุคคลที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน
นพ.อรรถพล กล่าวว่า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตู้กดเครื่องดื่มแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ มีลักษณะการทำงานของตู้คือมีการผสมผงเครื่องดื่มชนิดต่างๆ อาทิ ชา กาแฟ กัญชา กับน้ำร้อนภายในตู้ และผลิตออกมาเป็นเครื่องดื่มร้อนใส่แก้วกระดาษ หรือภาชนะอื่นใดที่ติดตั้งพร้อมในตู้
กรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข หากผู้ใดจะดำเนินกิจการประเภทดังกล่าวในลักษณะที่เป็นการค้า ต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นนั้นก่อนประกอบกิจการ ตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ยกเว้นเป็นการดำเนินกิจการในสถานที่จำหน่ายอาหาร การเร่ขาย การขายในตลาด และการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน
ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษตามมาตรา 71 จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ ที่บรรจุหรือสะสมเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาในขวดหรือภาชนะบรรจุที่ปิดสนิทไว้จำหน่าย ก็เข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทที่ 3 (17) การสะสม เครื่องดื่มชนิดต่างๆ บรรจุกระป๋อง ขวดหรือภาชนะอื่นใด
นพ.อรรถพล กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี ราชการส่วนท้องถิ่น ต้องตรวจสอบและพิจารณาอนุญาต โดยต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2560 ข้อ 5 กำหนดให้ผู้ดำเนินกิจการในสถานประกอบกิจการประเภทที่ราชการส่วนท้องถิ่นได้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องควบคุม และมีผลใช้บังคับในท้องถิ่นนั้นแล้ว ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
โดยเฉพาะกรณีการประกอบกิจการติดตั้งตู้กดเครื่องดื่มแบบหยอดเหรียญอัตโนมัติ ที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทกัญชา จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ กฎหมายว่าด้วยอาหาร และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ซึ่งกำหนดให้กัญชา (เฉพาะส่วนของช่อดอก) เป็นสมุนไพรควบคุม ผู้ใดจะจำหน่ายสมุนไพรควบคุมต้องได้รับใบอนุญาตตามความในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542
"มาตรการกฎหมายเป็นมาตรการหนึ่งที่จะควบคุมดูแล แต่ที่สำคัญคือการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นสร้างความรอบรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกบริโภคอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และมีส่วนร่วมเฝ้าระวังร่วมกับภาครัฐ และในส่วนผู้ประกอบกิจการก็ต้องสร้างความตระหนักต่อสังคม ในการที่จะระมัดระวังการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาในเด็กหรือสตรีมีครรภ์" นพ.อรรถพล กล่าว