จากการประกาศผลสำรวจดัชนีรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ปี 2565 ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) จัดทำขึ้น พบว่า ประเทศไทย ได้คะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 36 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก จากทั้งหมด 180 ประเทศ จากปี 2564 ที่อยู่ในอันดับ 110 โดยได้ 35 คะแนน
นายต่อภัสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ก่อตั้ง HAND Social Enterprise ระบุว่า แม้อันดับดัชนี CPI ของไทยจะขยับขึ้นมา แต่การขยับขึ้นเพียง 1 คะแนนแทบไม่มีนัยสำคัญ เปรียบเสมือนเป็นนักศึกษาที่ยังสอบตกจากคะแนนเต็มร้อย
สำหรับคะแนนสูงสุดที่ประเทศไทยเคยได้ คือ 38 คะแนน และตกลงมาเรื่อย ๆ สะท้อนว่าประเทศไทยยังคงมีปัญหาคอร์รัปชันที่รุนแรงมาก
เมื่อลองสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนาม ที่เคยมีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันรุนแรงเช่นกัน พบว่า ติดอยู่อันดับที่ 77 ของโลก ได้ 42 คะแนน นักลงทุนต่างชาติอาจมองได้ว่าการเข้ามาลงทุนในเวียดนามจ่ายสินบนน้อยกว่าประเทศไทย ต้นทุนทางธุรกิจก็ต่ำลง แน่นอนว่าย่อมกระทบกับศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า
นายต่อภัสร์ กล่าวว่า สำหรับดัชนี CPI เป็นดัชนีที่วัดด้านภาพลักษณ์เท่านั้น อาจไม่สะท้อนความจริงเสมอไป แต่ก็เป็นไปได้ว่าสถานการณ์คอร์รัปชันไทยมีทั้งที่ดีหรือแย่กว่าภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองเห็น หากเปรียบคอร์รัปชันเป็นเหมือนเชื้อโรค สิ่งที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ คือแสงสว่าง และความสะอาดโปร่งใส
แต่ประเทศไทยยังขาดสิ่งนี้ ทำให้ผู้ที่หลบในมุมมืดโกงกินได้ต่อเนื่อง แถมยังแพร่กระจายไปในทุกวงการ ทั้งภาครัฐและเอกชน การจะให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไล่จับทั้งหมด ย่อมเป็นไปไม่ได้ ภาคประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ แต่คำถามคือ เราได้ให้ข้อมูลหรือเครื่องมือกับสังคมเพียงพอหรือยัง เมื่อไม่มีข้อมูล ก็ไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้
ทางทีมวิจัยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิสาหกิจเพื่อสังคม HAND ได้ร่วมสนับสนุนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในการพัฒนาเว็บไซต์ www.actai.co เป็นการรวบรวมฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างย้อนหลัง 5 ปี กว่า 27 ล้านชุดข้อมูล ให้ง่ายต่อการค้นหามากยิ่งขึ้น สามารถค้นหาจากคีย์เวิร์ด หรือโลเคชั่น เมื่อประชาชนได้เห็นรายละเอียดโครงการและจำนวนเงิน ย่อมช่วยกันประเมินได้ว่าโครงการนั้นจัดจ้างอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือสามารถแจ้งเบาะแสการคอร์รัปชันได้โดยตรง ที่ไลน์แชทบอท Corruption Watch พร้อมหลักฐานแนบโดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
โลกของอินเตอร์เน็ต ทำให้คนธรรมดาสามารถพลิกปัญหาใต้พรมขึ้นมาได้ เราจึงเห็นการเปิดเผยความจริงสู่สังคมโดยไม่ต้องพึ่งพาฮีโร่คนใดคนหนึ่ง อาทิ กรณีเสาไฟฟ้ากินรี ตำรวจรับสินบน หรือสถานีรถไฟราคาแพง เป็นต้น
"มันมีเส้นบาง ๆ ระหว่างการคอร์รัปชัน กับการใช้งบประมาณแบบไม่มีประสิทธิภาพ คอร์รัปชัน คือการใช้อำนาจโดยมิชอบ เอาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือพวกพ้อง บางกรณีอาจเป็นการใช้เงินตามระเบียบ แต่ใช้อย่างไม่จำเป็นหรือแฝงเหตุผลทางการเมือง เช่น ได้ฐานเสียง คำตอบเดิมของการแก้ไขปัญหาทั้งคู่ไปพร้อมกัน คือ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม"
โดยในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ภาคประชาสังคม นำโดยทีม PunchUp ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีเพื่อสังคม ได้ร่วมกันพัฒนาเว็บไซต์ติดตามคำมั่นสัญญาของพรรคการเมืองที่มีชื่อว่า Promise Tracker โดยได้รวบรวมนโยบายและคำสัญญาช่วงหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองปี 2562 นำมาติดตามผลว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ พบว่าคำสัญญาจำนวนมาก ตกอยู่ในเกณฑ์ "ไม่พบความเคลื่อนไหว" มีบางส่วน "กำลังดำเนินการ" แต่สำหรับเกณฑ์ "ทำสำเร็จ" มีสัดส่วนน้อยมาก
ดังนั้น เมื่อประชาชนมีข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ ย่อมได้คำตอบว่าควรตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใดเข้ามาดูแลประเทศ ในอนาคตจะขยายผลเป็น Open Source ให้ประชาชนถ่ายรูปป้ายหาเสียง และช่วยกันเติมข้อมูล เป็นหลักฐานทวงถามสัญญานักการเมือง