นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ร่วมกับหลายหน่วยงานว่า ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาตามแผนแม่บทที่เป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะควันรถยนต์ การเผาชีวมวล แต่การจะกำจัดแหล่งต้นตอคงต้องใช้ระยะเวลา โดยทางสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) แจ้งว่ากำลังกำหนดมาตรฐานรถยนต์ดีเซลยูโร 5 ใหม่ เริ่มใช้ในปี 67 ซึ่งจะช่วยลดมลพิษได้ 10 เท่าตัว นอกจากนี้ยังมีเรื่องการกำหนดภาษีรถยนต์ตามอัตราการปล่อยมลพิษ
สิ่งสำคัญคือการสร้างความรู้ให้กับประชาชนถึงอันตรายจากการสูดดม PM2.5 ซึ่งในเด็กจะส่งผลกระทบต่อระบบเลือดและระบบหัวใจในระยะยาว ซึ่งประชาชนคิดว่าจะส่งผลในระยะสั้นเท่านั้น
กรมอนามัยเสนอให้ทำห้องปลอดฝุ่นซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนเพิ่มขึ้น โดยสามารถใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ และพบว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบต่อระบบหายใจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 25 คน นอกจากนี้จะมีผลต่อผิวหนัง ระคายเคืองตา ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังมากขึ้น
ส่วนการทำฝนเทียมนั้น กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าระวังดูสถานการณ์ฝุ่นและสภาพอากาศที่เหมาะสม ซึ่งวันนี้ได้ปฏิบัติการที่จังหวัดระยองส่งผลให้มีฝนตกบริเวณลาดกระบัง และเขตบางนา
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ได้ฝากให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดูแลเรื่องพื้นที่ก่อสร้างและการคืนผิวจราจร, ฝากตำรวจให้ดูแลเรื่องการจัดการจราจร, ฝาก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรื่องการปรับเปลี่ยนรถโดยสารเป็นรถไฟฟ้า, ฝาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เรื่องการย้ายท่าเรือคลองเตยออกไป ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนป้องกันน้ำทะเลหนุน ส่วนรถฉีดละอองน้ำของ กทม.มีอยู่ 6 คันจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น ซึ่งสามารถลดปริมาณฝุ่นได้ในระยะสั้นเท่านั้น
ส่วนการเผาชีวมวลนั้น หากมีผู้พบเห็นขอให้แจ้งสำนักงานเขตได้ จะส่งให้เจ้าหน้าที่เทศกิจลงไปตรวจสอบทันที ซึ่งคงต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกรด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศมีส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น หากมีปริมาณ PM2.5 จากรถยนต์ 30 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) แต่ถ้าสภาพอากาศปิด ระบายไม่ดีจะมีปริมาณ PM2.5 สะสมเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 60 มคก./ลบ.ม. และถ้ามีการเผาชีวมวลจะเพิ่มเป็น 90 อีก 30 มคก./ลบ.ม.
คาดว่าในสัปดาห์หน้าสถานการณ์จะดีขึ้น เนื่องจากการระบายอากาศดีขึ้นแต่ยังเกิดความผันผวนได้ แต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.จะดีขึ้นแน่นอน เนื่องจากมีลมใต้พัดแรง