พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและชัยภูมิ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำภาพรวม และตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการกักเก็บน้ำต้นทุน โดยได้ฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสานว่า ปัจจุบันความจุกักเก็บน้ำภาพรวมอยู่ที่ 60-70% พื้นที่กักเก็บน้ำยังไม่พอ มีพื้นที่เสี่ยงน้ำน้อยนอกเขตชลประทานจากฝนทิ้งช่วง
ส่วนความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำปี 61-65 จ.ขอนแก่น ได้รับงบประมาณบริหารจัดการน้ำรวมกว่า 7,500 ล้านบาท มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 180,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 120,181 ครัวเรือน ความจุกักเก็บน้ำเพิ่ม 123.4 ล้าน ลบ.ม. และ จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 105,111 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 100,393 ครัวเรือน ความจุกักเก็บน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม.
จากนั้น พล.อ.ประวิตรและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน ต.ดอนช้าง เป็นแหล่งเก็บกักน้ำรองรับแม่น้ำชีล้น เพื่อบรรเทาน้ำล้นตลิ่งและกักเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้ง พร้อมทั้งพบปะและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนขอให้พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ต่อเนื่อง และชื่นชมการบริหารจัดการน้ำปัจจุบันที่เข้าถึงประชาชนในพื้นที่มากขึ้นต่อเนื่อง
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งมั่นดำเนินการอย่างจริงจังมาต่อเนื่อง โดยกำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , กรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดูแลการกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดในช่วงปลายฤดูฝน เพ่งเล็งพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำจากฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะพื้นที่อีสานต้องไม่ให้ขาดแคลนน้ำ โดยให้ดำเนินการ 10 มาตรการรับฤดูแล้ง และเร่งรัดความคืบหน้าโครงการแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนทั้งน้ำบนดินและน้ำใต้ดิน พร้อมทั้งบริหารระบบกระจายน้ำให้ทั่วถึง ซึ่งต้องเร่งทำคู่กันกับการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและแหล่งแก้มลิงที่มีอยู่เดิม เพื่อให้พื้นที่เสี่ยงขาดน้ำมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำจากลำน้ำสายหลักในระยะยาว