น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างจดหมายสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) พร้อมมอบหมายให้ รมว.คลัง หรือผู้แทนลงนามในร่างจดหมายสนับสนุนฯ ดังกล่าว
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากประเทศไทยได้ลงนามเป็นภาคีสมาชิก ตามข้อบทของความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB เมื่อวันที่ 29 ก.ย.58 และความตกลงดังกล่าว มีผลผูกพันเมื่อ 29 ธ.ค.59 โดยข้อบทที่ 44 วรรคสองของความตกลง ได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกดำเนินการเพื่อให้บทบัญญัติเกี่ยวกับการให้สถานะ ความคุ้มกัน เอกสิทธิ์ และการยกเว้นแก่ AIIB มีผลบังคับใช้ในดินแดนของตน
ทั้งนี้ AIIB ได้มีหนังสือถึง รมว.คลัง ขอให้ประเทศไทยในฐานะสมาชิก พิจารณาลงนามในร่างจดหมายสนับสนุนการดำเนินงานของ AIIB เพื่อรับรองว่าการดำเนินงานของ AIIB ในประเทศสมาชิกจะได้รับเอกสิทธิ์ และความคุ้มกันตามที่กำหนด เช่น การคุ้มกันจากกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย การคุ้มกันทรัพย์สิน เอกสิทธิในการติดต่อประสานงาน ความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่และลูกจ้าง การยกเว้นภาษีอากร เป็นต้น
ซึ่งกระทรงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาและปรับปรุงร่างจดหมายสนับสนุนฯ ให้อยู่ในขอบเขตของข้อบทของความตกลงฯ โดยไม่เพิ่มภาระผูกพันแก่ประเทศไทย และให้สอดคล้องกับระเบียบของหน่วยงานแล้ว
โดยพันธกรณีภายใต้ความตกลงดังกล่าว ยังได้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้รับฝากสินทรัพย์ของ AIIB ในประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามข้อบทที่ 33 ของความตกลงที่ให้ประเทศสมาชิกแต่งตั้งธนาคารกลางหรือสถาบันอื่นใดเป็นสถานที่รับฝากเงินตราหรือทรัพย์สินของ AIIB
นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดเตรียมสกุลเงินตราอื่นที่พึงแลกเปลี่ยนได้ สำหรับการทำธุรกรรมของ AIIB ในประเทศไทยโดยปราศจากภาษี ซึ่งหากประเทศไทยจะดำเนินการกู้ยืม หรือกรอกเอกสารทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ในการระดมเงินทุน ประเทศไทยต้องให้สิทธิ์แก่ AIIB ไม่น้อยไปกว่าที่ให้กับประเทศอื่น หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น
และกรณีที่ AIIB เปิดสำนักงาน หรือจัดงานอย่างเป็นทางการในประเทศสมาชิก รัฐบาลจะพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ที่จะให้คุ้มครองเอกสิทธิ์ และความคุ้มกันเพิ่มเติมสำหรับ AIIB และเจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของ AIIB ตามความจำเป็น