นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวภายหลังการเข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงว่า ได้มาให้ข้อมูลถึงปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า การพนันออนไลน์ ปัญหารุกที่อุทยานแห่งชาติ และปัญหารถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งนายพีระพันธุ์ได้ต่อสายให้พูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และได้ข้อสรุปจากการพูดคุยว่า เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าจากนี้ไปจะไม่มีค่าปรับ โดยการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับจะยึดส่งต่อไปยังกรมศุลกากรโดยไม่มีโทษปรับ ส่วนในระยะยาวจะต้องคุยกับกระทรวงสาธารณสุขว่าบุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ต่างจากบุหรี่ที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ส่วนเรื่องการพนันออนไลน์ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ทั้งเว็บไซต์ระดับเล็ก กลาง และใหญ่
ส่วนปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มีทั้งเอกชนและชาวบ้าน ซึ่งหากพบการก่อสร้างรีสอร์ทต้องยึดและรื้อถอน หากเป็นชาวบ้านให้สามารถอยู่อาศัยมีที่ดินทำกินได้เช่นเดียวกับอุทยานทับลาน โดยผู้ครอบครองจะต้องชี้แจงที่มาว่าเป็นอย่างไร มีการสวมรอยหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าทุกอย่างตนมีหลักฐาน รายชื่อผู้ครอบครองที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ ซึ่งเกี่ยวโยงกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดเกษตรกรจึงมีสิทธิประกันสังคม
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องตรวจสอบ มีหลักการเหตุผล ไม่ใช่ใช้ดุลยพินิจส่วนตัว แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา รวมทั้งองค์กรกลางต่างๆ ที่ถูกล่ามโซ่ไว้ จะต้องถูกตัดโซ่ทิ้ง ทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตนจะนำเอกสารหลักฐานไปให้นายพีระพันธุ์รับทราบและให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งต้องยอมรับว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มมีมูลค่าการวิ่งเต้นมหาศาลมาสู่กระบวนการทางการเมืองสีเทา ไล่ซื้อคนโน้นคนนี้เข้ามาสังกัดพรรค ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง ซึ่งกระบวนการนี้ต้องเลิก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า จะทำอย่างไรถึงจะทำให้เกิดความยุติธรรมขึ้นจริง สิ่งที่ตนทำเป็นเชื้อไฟ เพื่อให้รุ่นต่อไปสานต่อภารกิจนี้ ตนทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ เป็นเพียงตัวแทนนอกสภา อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นข้อมูลการทุจริตแก่นายกรัฐมนตรี เป็นเพียงการพูด โดยจะทำหนังสือชี้แจงมายัง ครม.ก่อนนัดสุดท้าย ส่วนข้อตกลงทั้งหมด เมื่อเลขาฯนายกฯรับปากก็เหมือนนายกฯรับปากแล้ว
พร้อมกับระบุว่า ตนเล่นนอกเกม เพราะเล่นในเกมไม่ได้ ตนไม่มีอำนาจวาสนา ไม่ได้ต้องการตำแหน่ง การต่อสู้ของภาคประชาชน คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนที่เปิดเผยข้อมูลในช่วงใกล้ยุบสภาฯ ทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่นั้น ตนขอยืนยันว่า ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง