กรมเจ้าท่า ยังไม่สรุปสาเหตุไฟไหม้เรือไฟฟ้า (EA) ที่พระประแดง เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ร่วมตรวจสอบ คาดกู้เรือที่จมได้ภายในวันนี้ พร้อมวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
นายปรีชา เพชรเลิศ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชลบุรี รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 ในฐานะประธานคณะทำงานสอบสวนอุบัติเหตุของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 และนายฉัตรชัย เวชสาร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตรวจเรือ สำนักมาตรฐานเรือ ร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภาค 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมข้อมูล และสอบสวนหาสาเหตุกรณีเรือระเบิดและไฟไหม้บริเวณหน้าบริษัท ปิยะศิริวานิช จำกัด จ.สมุทรปราการ
คณะทำงานสอบสวนฯ ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องจำนวน 8 ราย สามารถสรุปเหตุการณ์และสาเหตุในเบื้องต้น ดังนี้
1. วันที่ 21 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 07.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือไฟฟ้า เรือชื่อ MINE SMART FERRY 29 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าบริษัท ปิยะศิริวานิช จำกัด จ.สมุทรปราการ ลุกลามไปติดเรือ MINE SMART FERRY 27 และเรือ MINE SMART FERRY 28 ที่จอดเทียบอยู่ด้านใน บริเวณโป๊ะเทียบเรือที่เป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าของบริษัทเรือ EA โดยเรือที่ได้รับความเสียหายทั้ง 3 ลำ ยังไม่ได้จดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่า อยู่ระหว่างรอการส่งมอบ
2. ได้ทำการบันทึกถ้อยคำผู้พบเหตุการณ์คนแรก นายอัครพล (โก๊ะ) ให้ถ้อยคำว่า ขณะเกิดเหตุเรือจอดเทียบอยู่ 5 ลำ ลำที่เป็นต้นเพลิง คือลำ MINE SMART FERRY 29 ซึ่งจอดอยู่ตรงกลาง เห็นควันลอยขึ้นจากเรือลำดังกล่าว จึงรีบเข้าไปใช้ถังดับเพลิงเพื่อดับไฟ และวิ่งไปตัดไฟที่เบรคเกอร์ใหญ่ และนำเรือที่จอดเทียบอยู่ด้านนอกอีก 2 ลำ ออกจากโป๊ะเทียบเรือไปก่อน เพื่อป้องกันไฟลุกลาม แต่ไฟลุกลามรวดเร็วและไหม้เรือที่จอดอยู่ข้างเคียงด้านในอีก 2 ลำ
3. บริษัทฯ ได้ชี้แจงว่าขณะเกิดเหตุ ไม่มีการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในเรือ มีเพียงการต่อไฟจากฝั่ง (Shore power) เข้าไปในเรือเพื่อใช้เป็นไฟส่องสว่างในการเข้าไปดำเนินการต่างๆ ซึ่งก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 66 บริษัทฯ ได้นำเรือ MINE SMART FERRY 27, 28, 29, 30, 31 ซึ่งเป็นเรือที่ได้รับมาใหม่ ไปทดลองเดินเรือโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อทดสอบเรียบร้อยแล้ว ได้นำเรือมาจอด และต่อสายไฟจากฝั่ง (Shore power) มาเพื่อใช้ส่องสว่างในเรือ
4. บริษัทฯ แจ้งว่า ลำที่เป็นต้นเพลิงมีพลังงานในแบตเตอรี่เกือบเต็ม ส่วนลำอื่นมีพลังงานอยู่ไม่มาก และช่วงที่เกิดเหตุไม่มีกิจกรรมใดๆ บนเรือ แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 66 ทีมช่างเทคนิคลงไปดำเนินการเซ็ตระบบซอฟแวร์ของเรือ และมีการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศบนเรือ (ช่วงเวลา 14.00-18.00 น.)
จากข้อมูลการสอบสวนเบื้องต้น ยังไม่สามารถสันนิษฐานสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ได้ รวมถึงเรือลำต้นเพลิงยังจมทั้งลำ ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเรือที่เกิดเหตุเป็นเรือที่ขับเคลื่อนและควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลและสาเหตุที่แท้จริง กรมเจ้าท่าจะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ร่วมตรวจสอบ ขณะที่บริษัทฯ จะดำเนินการกู้เรือที่จมให้แล้วเสร็จภายในวันนี้
ทั้งนี้ คณะทำงานสอบสวนสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 จะร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ และหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเดียวกันซ้ำอีก