นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยกรณีเกิดโรคท้องร่วงจำนวนมากในกลุ่มนักเรียนในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาหลายแห่งในเขตตัวเมืองชัยภูมิ ว่า จำนวนผู้ป่วยรวมถึงวันที่ 22 ก.พ. 66 อยู่ที่ 315 ราย แบ่งเป็น นักเรียน 283 ราย และคุณครู 32 ราย อาการที่พบส่วนใหญ่คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลว ปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งหมด 12 ราย
ขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมโรคให้สงบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากยังมีผู้ป่วยรายวัน สำหรับวันนี้คาดว่าจะมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลอีกประมาณ 10-20 ราย
ทั้งนี้ จากการตรวจทางห้องปฎิบัติการตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 66 ที่เริ่มพบผู้ป่วย ผลการตรวจของกลุ่มตัวอย่างพบว่า เป็นโนโรไวรัส และเชื้ออีโคไล
โดยคาดว่าเชื้อทั้งสองชนิดน่าจะปนเปื้อนมาพร้อมอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็ง โดยการควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดจะต้องเจาะจงที่แหล่งผลิตอาหาร
ทั้งนี้ ได้มีการลงพื้นที่ตรวจและเก็บตัวอย่างจากโรงงานผลิตน้ำแข็งทั้งหมด 5 แห่งในจังหวัดชัยภูมิ คาดว่าผลการตรวจจะออกมาในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) อย่างไรก็ดี จะมีการเก็บตัวอย่างอาหารอื่นๆ ด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่ามีการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในผักสด ในแถบจังหวัดภาคตะวันออก
สำหรับโนโรไวรัส เป็นไวรัสที่ทนต่อความร้อนได้ถึง 60 องศาเซลเซียส มีระยะฟักตัวประมาณ 12-48 ชั่วโมง ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลว โดยไวรัสดังกล่าวจะอยู่ในลำไส้ใหญ่ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งมีโอกาสที่จะแพร่กระจายไปสู่ครอบครัว และชุมชนได้
ส่วนเชื้ออีโคไล ก็เกิดขึ้นที่ระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ มีอาการคล้ายกับโนโรไวรัส