น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหามิจฉาชีพหลอกหลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ มีการโอนเงินออกจากบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารจนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และธนาคารของรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาและบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดแก่ประชาชน
ล่าสุด ทั้งส่วนธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจรวม 8 แห่ง ได้เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพของธนาคาร เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพโทรแจ้งเหตุ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสกัดกั้นความเสียหายให้เร็วที่สุด ประกอบด้วย
ธนาคารกสิกรไทย 0-2888-8888 กด 001
ธนาคารกรุงไทย 0-2111-1111 กด 108
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1572 กด 5
ธนาคารกรุงเทพ 1333 หรือ 0-2645-5555 กด *3
ธนาคารไทยพาณิชย์ 0-2777-7575
ธนาคารทหารไทยธนชาต 1428 กด 03
ธนาคารออมสิน 1115 กด 6
ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 0-2626-7777 กด 00
การเปิดศูนย์แจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพของสถาบันการเงินต่างๆ เป็นมาตรการควบคู่กับที่ขณะนี้ รัฐบาลได้ผลักดัน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ?. เพื่อให้เป็นกฎหมายที่เข้ามาช่วยจัดการปัญหาได้อย่างเด็ดขาด ซึ่ง พ.ร.ก.ฯ มีสาระสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามการกระทำผิด ด้วยมาตรการต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องผ่านระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่หน่วยงานที่มีอำนาจให้การอนุญาต เพื่อประสิทธิภาพการตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ สถาบันการเงินสามารถระงับธุรกรรมได้เมื่อพบเหตุอันต้องสงสัยหรือได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าของบัญชี ตลอดจนการกวาดล้างบัญชีม้า เป็นต้น
โดยขณะนี้ ดีอีเอส ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสมาคมธนาคารไทย อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบกลางที่เรียกว่า ศูนย์ตรวจเช็กธุรกรรมที่มีความเสี่ยงทุจริต (Central Fraud Registry) เพื่อเป็นกลไกด้านข้อมูลที่จะช่วยในการยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดกับประชาชนเจ้าของบัญชีที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ