วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA โดยวัคซีนไฟเซอร์รุ่นเก่า (Monovalent) ผลิตจากสาย พันธุ์ดั้งเดิม หรือสายพันธุ์อู่ฮั่นที่ระบาดในช่วงแรก ต่อมาเมื่อโควิดมีการแพร่ระบาดและกลายพันธุ์ จึงมีการศึกษาวิจัยและผลิตวัคซีนชนิดผสม ระหว่างสายพันธุ์อู่ฮั่นและโอมิครอน เป็น "วัคซีนรุ่นใหม่ Gen 2" หรือไบวาเลนท์ (Bivalent) ขึ้นมา
สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 66 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับมอบวัคซีนไฟเซอร์รุ่นใหม่ล็อตแรก จำนวน 501,120 โดส จากรัฐบาลเกาหลี ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 สถาบันโรคผิวหนัง ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์รุ่นใหม่ แล้ว โดยจะฉีดให้เป็นเข็มกระตุ้นแก่บุคลากรด่านหน้า กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และได้รับวัคซีนเข็มล่าสุดนาน เกิน 4 เดือนขึ้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ด้าน นายอนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี ชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ให้ข้อมูลเรื่องความแตกต่างระหว่างวัคซีน ไฟเซอร์รุ่นใหม่และรุ่นเก่า ดังนี้
จากผลการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันยับยั้งไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์หลักๆ ในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเก่า (Monovalent) เทียบกับวัคซีนไฟเซอร์สูตรใหม่ (Bivalent) โดยเก็บตัวอย่างซีรัมหลังฉีดเข็มกระตุ้น (เข็ม 4) ที่ 1 เดือน เปรียบ เทียบโดยใช้ไวรัสตัวจริง พบว่า
- วัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรใหม่ สามารถให้ภูมิที่ยับยั้งไวรัสสายพันธุ์กลุ่มโอมิครอนได้มากกว่ากลุ่มที่กระตุ้นด้วยวัคซีนสูตรเก่า โดย
- ความสามารถในการกระตุ้นด้วยวัคซีนสูตรใหม่ จะได้ภูมิที่ยับยั้งไวรัสกลุ่มที่เป็นลูกหลานของ BA.4 หรือ BA.5 ได้พอ
- เมื่อดูภูมิจากวัคซีนสูตรใหม่กับไวรัสที่มีบรรพบุรุษเป็น BA.2 คือ กลุ่ม BA.2.75 และ XBB ความจำเพาะต่อไวรัสจะลด
- จำนวนเท่าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับภูมิก่อนฉีดต่อไวรัส 2 สายพันธุ์นี้ที่ต่ำมากอยู่แล้ว ทำให้ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ 196 ต่อ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดมาแล้ว และถูกกระตุ้นด้วยวัคซีนสูตรใหม่ ตัวเลขจะสูงกว่าคนไม่เคยติดมาก่อน จาก ข้อมูลชุดนี้ พบว่า ภูมิต่อ XBB ในคนที่ไม่เคยติดได้แค่ 55 แต่คนที่เคยติดแล้วได้ 131 ซึ่งเห็นความแตกต่าง
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตามมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน โรค และผลการศึกษาในช่วงปลายปี 65 ในประเทศสหรัฐอเมริกา และองค์การอนามัยโลก (WHO) มีข้อแนะนำให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ Bivalent เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้ที่เคยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มขึ้นไป ซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ประมาณ 28-56% ความปลอดภัยไม่ต่างกับวัคซีนรุ่นแรก โดยสามารถใช้ทั้งชนิด Monovalent และ Bivalent มาเป็นเข็มกระตุ้นได้ เนื่องจากผลในการ ป้องกันโรคไม่แตกต่างกัน
ตารางเปรียบเทียบระหว่างวัคซีนไฟเซอร์รุ่นใหม่ (Bivalent) และวัคซีนไฟเซอร์รุ่นเก่า (Monovalent)
ไฟเซอร์สูตรเก่า (Monovalent) ไฟเซอร์สูตรใหม่ (Bivalent) - ชนิดของสายพันธุ์ที่ใช้ผลิตวัคซีน สายพันธุ์ดั้งเดิม(อู่ฮั่น) สายพันธุ์ดั้งเดิม(อู่ฮั่น) + โอมิครอน - การนำไปใช้ ใช้ได้ทุกเข็ม รวมทั้งเข็มกระตุ้น ใช้เป็นเข็มกระตุ้น - กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไป บุคลากรด่านหน้า กลุ่มเสี่ยง ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และได้รับวัคซีนเข็มล่า สุดเกิน 4 เดือนขึ้นไป - ภูมิยับยั้งโอมิครอน ประมาณ 3 เท่า 13 เท่า (โดยเฉพาะไวรัสกลุ่ม BA.4 และ BA.5) - ภูมิยับยั้งลูกหลานโอมิครอน (BA.4.6 และ BQ.1.1) 1.8 - 2.3 เท่า 8.7 - 11.1 เท่า ประชาชนที่สนใจฉีดวัคซีนไฟเซอร์รุ่นใหม่ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.infoquest.co.th/2023/281536