นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปรับฟังการนำเสนอวิสัยทัศน์เรื่อง "อันดามันพร้อม" ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและบริการให้กลับมาคึกคักอีกครั้งจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงทรรศนะและมอบทิศทางอนาคตอันดามันตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ไว้ใจและเชื่อมั่นที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีความเสี่ยง เพราะไม่ว่าจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตามก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้ประเมินสถานการณ์และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของประชาชนแล้ว รัฐบาลต้องเดินไปข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภาคประชาชนและทุกภาคส่วนต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง
คำว่ายุทธศาสตร์ชาติต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศคือ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า จะต้องมีการจัดทำแผนแม่บท เพื่อนำมากำกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป เพื่อวางกรอบการพัฒนาประเทศให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม อีกทั้ง สามารถปรับปรุงแก้ไขตามระบบระเบียบการบริหารราชการ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่สูง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหลายเรื่อง สิ่งที่ขอให้รัฐบาลดำเนินการ วันนี้ รัฐบาลได้ทำให้แล้วคือการแก้ไขผังเมือง ที่ต้องมีการแก้ไขในการวางแผน การเวนคืนพื้นที่ของประชาชนและต้องมีการทำประชาพิจารณ์ด้วย เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่สร้างปัญหาในอนาคตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน วันนี้ประเทศไทยเดินมาไกลแล้วเราจะไม่ย้อนกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
"การเดินทางมาในวันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว โครงสร้างคมนาคม รวมทั้งการเดินทางเข้าออกของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจ ในฐานะที่พวกเราทุกคนคือคนไทย ต้องรักกันสามัคคีกัน ด้วยความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนทุกคน เพราะนี่คือคนไทยต้องร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศ อย่าให้บ้านเมืองกลับไปที่เดิม เพราะเราเดินหน้าพัฒนาและผ่านอุปสรรคต่างๆ มามากมายด้วยกันและขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือร่วมใจกัน ประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอต่างๆ ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีรับไปพิจารณาหารือและส่งต่อรัฐบาลต่อไป โดยยืนยันว่าการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปเพื่อประชาชน มุ่งดูแลผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง เท่าเทียม ทั้งนี้การใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบการเงินการคลังภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ซึ่งนานาชาติต่างชื่นชมระบบการเงินการคลังของไทยที่มีความมั่นคงแข็งแกร่ง และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศด้วยความเข้มแข็ง
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU แก้ไขปัญหาภาคแรงงานสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอันดามัน โดยสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต และภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่ สู่การเดินหน้าแก้ไขปัญหาภาคแรงงานอย่างยั่งยืน ก่อนเดินทางกลับ