นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับปัญหาสารกัมมันรังสี ซีเซียม-137 โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ไปบูรณาการแก้ไขปัญหา ส่วนสาเหตุของสารดังกล่าวที่ถูกนำออกจากพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการแก้ไขปัญหา และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับนโยบาย พร้อมจัดส่งชุดเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ได้ประชุมและสรุปรายละเอียดกรณีวัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบด้วยเครื่องมือวัดทางรังสีในพื้นที่เกิดเหตุ ร่วมกับสถานประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมค้นหากว่า 1 สัปดาห์
จนเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ตรวจพบวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียมในโรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี โดยพบเขม่าหรือฝุ่นแดงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี แต่ไม่พบวัสดุกัมมันรังสีซีเซียมที่เป็นแท่งต้นเหตุที่สูญหาย รวมทั้งไม่พบเหล็กที่หลอมไปแล้ว มีการปนเปื้อน จึงได้เก็บตัวอย่าง ทั้งน้ำ ดิน บริเวณโรงงานโดยรอบมาวิเคราะห์ และยังไม่พบว่าปนเปื้อน และจากการตรวจวัดรังสี ก็ไม่พบการฟุ้งกระจายในอากาศและอาคาร รวมถึงไม่มีการปนเปื้อนออกมาภายนอก ขณะนี้สารกัมมันตรังสีซีเซียมถูกบรรจุในถุงบิ๊กแบ๊คและจำกัดพื้นที่แล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบสุขภาพประชาชน พนักงานภายในโรงงานกว่า 70 คน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เพื่อตรวจหาสารกัมมันรังสีตามวิธีมาตรฐาน ซึ่งผลการตรวจสอบยังไม่พบประชาชน หรือพนักงานมีอาการสุ่มเสี่ยง หรือเจ็บป่วยจากการได้รับสารกัมมันตรังสี
ขณะเดียวกัน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้รายงานว่าประเทศไทยมีจุดตรวจวัดกัมมันตรังสีในอากาศ 18 จุด และในน้ำอีก 5 จุดทั่วประเทศ ได้ตรวจวัดทุกวันตามมาตรฐานสากล พบว่ายังอยู่ในระดับปกติ ไม่มีสารปนเปื้อนของซีเซียมในสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM. 2.5 โดยปัจจุบันให้หน่วยงานเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ตรวจสอบในพื้นที่แต่ละส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งจากรายงานมีจุดความร้อนในประเทศไทยลดลงจำนวนมาก ทั้งพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนในกรุงเทพฯ ให้เฝ้าระวัง และรณรงค์การป้องกันจากมาตรการต่างๆ