พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้สนธิกำลังระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือ FBI และ United States Secret Service หรือซีเคร็ท เซอร์วิส ของประเทศสหรัฐอเมริกาในการแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เปิดปฎิบัติการทลายรังคอลเซ็นเตอร์ ปิดล้อมตรวจค้น 36 พื้นที่เป้าหมายในจังหวัดชลบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และ ร้อยเอ็ด
โดยในการตรวจค้นบ้านชั้นเดียวเลขที่ 388/53 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบเอกสารหลักฐาน อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนมาก โทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง รถยนต์ 4 อาวุธปืน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน พร้อมกันนี้ได้เชิญตัวเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชายชาวอินเดีย และหญิงไทย 3 คนมาสอบปากคำ
กรณีนี้สืบเนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงานของสหรัฐฯ ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวอเมริกันถูกขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ FBI หลอกว่า ธุรกรรมการเงินและเงินในบัญชีของเหยื่อมีความผิดปกติ รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตลอดระยะเวลา 2 ปี พบมีผู้ตกเป็นเหยื่อ 365 ราย เสียหายกว่า 3 พันกว่าล้านบาท ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินข้ามประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้ง จึงได้นำข้อมูลสืบสวนมาหารือกับ ผบ.ตร. ซึ่ง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ บช.สอท.ตรวจสอบจนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
สำหรับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติถือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ และเป็นนโยบายแห่งชาติที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ ซึ่ง ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อนหรือเตรียมการในการกระทำความผิด ซึ่งจะทำการขยายผลพร้อมประสานงานกับทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์ขบวนการนี้ต่อไป
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า วานนี้ (21 มี.ค.) สามารถทำการจับกุมได้แล้ว 20 ราย แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 5 ราย และชาวไทย 15 ราย ส่วนอีก 16 รายจะมีการสืบสวนขยายผลต่อไป
โดยเคสนี้เกิดที่สหรัฐฯ แต่เงินผ่านมาประเทศไทย เดิมต้องนำหลักฐานจากไทยไปประกอบและออกหมายจับที่สหรัฐฯ แต่เนื่องจากมีผู้ต้องหาจำนวนมากเป็นเครือข่ายใหญ่ในไทย จึงต้องทำการดำเนินคดีในประเทศไทย
"เคสนี้ไทยได้ร่วมสืบสวนและปฏิบัติการร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเคสแรก สหรัฐฯ จึงจะใช้เคสนี้ไปแสวงหาความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ต่อไป ลักษณะการหลอกลวงของเคสนี้คล้ายของไทย คือ หลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่ และหลอกให้กดลิงก์" พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าว
สำหรับรูปแบบการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ คนไทยเปิดบัญชีม้า และใช้ชื่อคนไทยและอินเดียร่วมกันตั้งบริษัท เส้นทางการเงินผ่านทั้งบริษัทและบุคคลธรรมดา โดยให้คนไทยกดเงิน และติดต่อคนอินเดียมารับเงินสด ซึ่งในเรื่องนี้จะมีการขยายผลต่อไป
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านทางภาคอีสานหลายร้อยคน แห่ไปธนาคารเพื่อปิดบัญชีม้า ว่า ตำรวจได้มีการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ ถึงความผิดตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่เพิ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยแนะนำให้บุคคลที่หลงผิด ครอบครองซิมผี และบัญชีม้า ว่า ในช่วงนี้ยังสามารถกลับตัวทัน โดยการยับยั้ง ปิดบัญชี และลงบันทึกประจำวัน