กรมควบคุมโรค เผย เดือนมี.ค. 66 ไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มเติม 3 ราย ขณะนี้ถูกแยกกักเพื่อรักษาโรคอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมขอความร่วมมือทุกโรงพยาบาล เตรียมพร้อมกรณีพบผู้สงสัยติดเชื้อหรือเข้าข่าย ย้ำโรคนี้ป้องกันได้ งดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) จำนวน 3 รายในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 12-23 มี.ค. 66) จากข้อมูลการสอบสวนทางระบาดวิทยา พบว่า ผู้ป่วยทั้งสามรายเป็นเพศชาย อายุระหว่าง 27-40 ปี เป็นชาวไทย 2 ราย และต่างชาติที่มีประวัติอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 10 ปี อีก 1 ราย โดยทั้งสามรายไม่เคยรู้จักกัน โดยผู้ป่วย 2 รายล่าสุดให้ประวัติว่า มีเพศสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าในสถานบริการที่ไปใช้บริการ
กรมควบคุมโรค ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ได้ส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคลงพื้นที่ พร้อมแยกกลุ่มเสี่ยงสัมผัสโรค ให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 3 สัปดาห์
นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า สถานการณ์โรคฝีดาษลิงทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มี.ค. 66) พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงยืนยัน จำนวน 86,646 ราย ผู้เสียชีวิต จำนวน 112 ราย พบใน 110 ประเทศ โดยแนวโน้มการระบาดของทั่วโลกลดลง แต่ยังคงพบโรคฝีดาษลิงในกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับเพศชาย (MSM) อย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเทศที่มีการรายงานจำนวนผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดในรอบ 21 วันเป็น 10 ลำดับแรก ได้แก่ โบลิเวีย (21 ราย) เอล ซัลวาดอร์ (20 ราย) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (18 ราย) สหราชอาณาจักร (17 ราย) กรีซ (14 ราย) เนเธอแลนด์ (14 ราย) สวิสเซอร์แลนด์ (14 ราย) เปอโต ริโก (14 ราย) เลบานอน (12 ราย) และไนจีเรีย (11 ราย)
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงทั้งสิ้น 18 ราย โดย 15 รายก่อนหน้านี้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ส่วนผู้ป่วย 3 รายล่าสุดได้รับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และอาการผื่นเริ่มดีขึ้นแล้ว ซึ่งตำแหน่งที่พบตุ่มหนองอยู่บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าในสถานบริการที่มืดสลัว ลักษณะคล้ายคลึงกับการระบาดของโรคฝีดาษลิงในต่างประเทศ เช่น สเปน แคนาดา เมื่อปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกโรงพยาบาล เตรียมพร้อมกรณีที่พบผู้สงสัยติดเชื้อหรือผู้มีอาการเข้าข่าย ให้ทำการเก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันหาเชื้อ และแยกผู้ป่วยจนกว่าจะทราบผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ
นพ.โสภณ กล่าวเน้นย้ำว่า ประชาชนสามารถป้องกันตนเองจากโรคฝีดาษลิงได้ โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ และมีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย งดการมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าหรือไม่รู้ประวัติมาก่อน หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
อย่างไรก็ดี หากมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะประชาชนผู้มีประวัติเสี่ยง สามารถแจ้งประวัติเสี่ยงและเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลได้ทันที