นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดของประเทศว่า ปัญหาไฟป่าหมอกควันยังคงรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ที่มีพื้นที่ติดต่อกับเมียนมา และลาว ซึ่งพบจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากติดต่อกันหลายวัน ทำให้หมอกควันลอยข้ามแดนมาผสมกับฝุ่น PM 2.5 ในประเทศจนเกิดค่าสูงขึ้นในระดับวิกฤติ ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ดับและควบคุมไฟป่าต่อเนื่อง
สำหรับความเสียหายจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ นายอรรถพล กล่าวว่า พบพื้นที่ป่าเสียหายโดยสิ้นเชิงไปแล้วกว่า 1 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เกิดไหม้บริเวณหน้าดิน ซึ่งปกติจะสามารถฟื้นฟูได้เองตามธรรมชาติ แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดไฟป่ารุนแรงมากกว่าถึง 2 เท่า เนื่องจากมีการสะสมของเชื้อเพลิงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไฟลุกลามเร็วและเป็นวงกว้าง พร้อมคาดการณ์สถานการณ์ไฟป่าว่ายังต้องเฝ้าระวังไปจนกลางถึงเดือนเมษายนนี้
* เริ่มปฏิบัติการฝนหลวงใน 5 จ.ภาคเหนือ
หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ได้ใช้เครื่องบินเกษตร จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติการขี้นบินเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า รวมทั้งช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ในบริเวณพื้นที่เป้าหมาย ประกอบด้วย
1.พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่การเกษตร อ.ปง อ.จุน จ.พะเยา
2.พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่การเกษตร อ.พาน อ.เมือง จ.เชียงราย
3.พื้นที่ป่าไม้ อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน รอยต่อ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
4.พื้นที่ป่าไม้ อ.ห้างฉัตร อ.เมือง จ.ลำปาง
*เชียงใหม่ไม่แผ่ว! ค่า AQI ติดอันดับ 1 ของโลก
ขณะที่ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ IQAir เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ พบว่า จ.เชียงใหม่ ประเทศไทย ขึ้นอันดับ 1 ของเมืองที่มีมลพิษทางอากาศ (ค่า AQI) สูงสุดที่ 237 ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง
ด้าน GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียม Suomi NPP ของวันที่ 28 มีนาคม 2566 ประเทศไทยพบจุดความร้อน 4,433 จุด โดยมีเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ขึ้นนำอยู่ที่ 4,894 จุด, สปป.ลาว 4,548 บาท, กัมพูชา 701 จุด, เวียดนาม 190 จุด และ มาเลเซีย 36 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,361 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,544 จุด, พื้นที่เกษตร 222 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 180 จุด , พื้นที่เขต สปก. 121 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 5 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ แม่ฮ่องสอน 588 จุด น่าน 569 จุด และ เชียงใหม่ 488 จุด