รมว.สาธารณสุข หวั่นโรคเอดส์สั่นคลอนฐานกำลังในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ หลังพบคนวัยแรงงานใช้ชีวิตเสี่ยงติดเอดส์ ทั้งดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์ ชายมีเพศสัมพันธ์ฉาบฉวยเพิ่มขึ้นแต่ใช้ถุงยางอนามัย 31-57% ส่วนแรงงานหญิงใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนแค่ 21% เท่านั้นเพราะเชื่อใจ และหลังติดกามโรค 2 ใน 3 ไม่กล้าไปพบแพทย์เพื่อรักษา
"พฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มวัยแรงงานยังเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักและแก้ไขทัศนคติในการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนฉาบฉวย เพราะวัยแรงงานเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ หากปล่อยให้มีปัญหาติดเชื้อเอดส์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก" นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ระบุในเอกสารเผยแพร่
โดยคณะผู้เชี่ยวชาญได้ประมาณการผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2527-ปัจจุบันว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีแล้ว 1.1 ล้านคน ในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 5.5 แสนคน ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ปี 2551 คาดว่าจะมีประมาณ 1.3 หมื่นราย ปัจจัยเสี่ยงที่พบมากสุดคือ การมีเพศสัมพันธ์ 84% โดยผู้ป่วยเอดส์ 57% อยู่ในวัยเจริญพันธุ์และวัยแรงงาน ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างในโรงงาน กรรมกร ขับรถรับจ้าง เป็นต้น
"คนกลุ่มนี้มักมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ทำให้ขาดโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และยังใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ดื่มเหล้า เที่ยวสถานเริงรมย์และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีประชาชนอยู่ในวัยแรงงานอายุ 15-49 ปี จำนวน 37 ล้านคน" นายไชยา กล่าว
ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอดส์ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2550 ในกลุ่มพนักงานสถานประกอบกิจการ อายุระหว่าง 15-49 ปี ใน 18 จังหวัด รวม 9,019 คน เป็นชาย 4,287 คน หญิง 4,732 คน พบว่า พนักงานชายมีเพศสัมพันธ์คู่นอนประเภทต่างๆ ได้แก่ หญิงบริการทางเพศ 18% มีการใช้ถุงยางอนามัย 57% กับหญิงอื่น 27% ใช้ถุงยางอนามัย 52% และกับผู้ชายด้วยกัน 5% ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 31%
ขณะที่พนักงานหญิงมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น 6% และใช้ถุงยางอนามัยเพียง 21% เท่านั้น เนื่องจากไว้ใจคู่นอนและไม่คิดว่าจะเสี่ยงติดเชื้อเอดส์ รวมทั้งผู้หญิงมักไม่กล้าต่อรองทางเพศหรือเรียกร้องเพื่อปกป้องตนเองกับผู้ชาย นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อเป็นกามโรคหลังการมีเพศสัมพันธ์ ชายจะไปพบแพทย์เพียง 30% และหญิง 39% เท่านั้น
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/กษมาพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--