นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงความคืบหน้าการติดตามผู้กระทำความผิดที่นำข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยมาจากหน่วยราชการจำนวน 55 ล้านรายการ พบเป็นทหารยศจ่าสิบโท เบื้องต้นทหารคนดังกล่าวสังกัดหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีดี สังเกตจากการโพสต์ของผู้กระทำความผิดโพสต์ข้อความเรียกร้องแต่ละครั้ง
ในส่วนของมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ คาดว่า นำไปขายให้มิจฉาชีพ, เป็นสแกมเมอร์ หรือนำข้อมูลไปหลอกขายคนร้าย, ดิสเครดิต หรืออาจกระทำเพื่อความคึกคะนอง
สำหรับที่มาของข้อมูลที่หลุดไป จะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ ส่วนที่กล่าวอ้างว่ามาจากบริการ "หมอพร้อม" นั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจาก "หมอพร้อม" ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลอยู่จำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดี ถือว่าการกระทำความผิดสำเร็จแล้ว ทั้งผู้ที่นำข้อมูลออกไป หรือนำไปใช้ต่อ
นายชัยวุฒิ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้มั่นใจว่าระบบสามารถคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนได้ โดยกระทรวงฯ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้พยายามพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาให้หน่วยงานที่ยังมีช่องโหว่ ขณะเดียวกันขอให้ทุกหน่วยงานพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์และการจัดเก็บข้อมูล ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดตั้งแต่ 14 มี.ค. สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ตรวจพบและส่งหนังสือมาที่ตำรวจ จึงได้เริ่มดำเนินการสืบสวนจนรู้ตัวคนร้าย และออกหมายจับเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ข้อหาเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ตามมาตรา 14 (2) โดยจากการติดตามจับกุม คนร้าย และภรรยาของผู้ต้องหา ปิดโทรศัพท์หนี
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นจ่าสิบโท อายุ 33 ปี ภารกิจในสังกัดไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยจุดประสงค์การโพสต์ทั้ง 3 ครั้งต่างกัน คือ 1. การโพสต์ครั้งแรกเป็นการเปิดเผยว่ามีข้อมูลของคนไทยหลุด 55 ล้านรายชื่อ เหมือนการขาย 2. โพสต์ครั้งที่สอง คือ เชิงข่มขู่ และ 3. ครั้งล่าสุด ออกมาบอกว่า จะไม่เปิดเผยข้อมูลแล้ว และจะขุดคุ้ยสปอนเซอร์ทางการเมือง
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า เจตนาของคนร้ายเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องได้ตัวและสอบปากคำ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าคนร้ายอาจมีข้อมูลไม่ครบถ้วนตามที่กล่าวอ้างก็ได้ แต่ต้องการดึงดูดความสนใจ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือถึงต้นสังกัด ใน 2 ประเด็น คือ 1. ยังรับราชการอยู่หรือไม่ และ 2. ถ้ารับราชการอยู่ ขอให้ต้นสังกัดส่งตัวเพื่อทำการสอบสวนทางกฎหมาย
ด้านพล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการ สกมช. กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ยืนยันว่า 55 ล้านรายชื่อหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมและรอความชัดเจนก่อน ว่าเป็นการกระทำจากช่องโหว่ของระบบ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้ ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนข้อมูลที่นำมาเปิดเผยคือข้อมูลทั่วไป ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์