นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีการรายงานเรื่องปัญหาฝุ่นควัน เพื่อจะนำไปหารือในการประชุมอาเซียนที่จะถึงนี้ ซึ่งรัฐบาลได้ประสานเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยให้ความสนใจและต้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาเช่นกัน
อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุม 3 ฝ่ายกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และนายกรัฐมนตรีเมียนมา เรื่องการจัดการปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน ผ่านระบบ Video Conference ส่วนที่มีประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเรียกร้องให้กระทรวงต่างประเทศประสานกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มีการเผานั้น ในที่ประชุมผู้นำ 3 ฝ่าย ซึ่งไทยเป็นผู้จัดได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และจะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อหารือในรายละเอียด
นายดอน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้ แต่เกิดมา 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งในอาเซียนก็มีปัญหากันอยู่และพยายามแก้กันทั้งอาเซียน การดำเนินการแก้ปัญหากำลังทำอย่างต่อเนื่อง ช่วงเกิดวิฤตโควิด-19 ก็เบาบางไป เพิ่งจะกลับมารุนแรงในช่วงนี้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศเพื่อนบ้านจะแก้ไข แต่เราเองก็ต้องแก้ไขด้วย ซึ่งรัฐบาลได้จัดเตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะยาว และมาตรการเร่งด่วน โดยมีการประชุมและพูดคุยกันมาพอสมควรแล้ว
สำหรับมาตรการขั้นเด็ดขาดที่จะไม่รับซื้อสินค้าที่มาจากการเผานั้น นายดอน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บางประเทศเคยทำในอดีต แต่ตอนนี้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก่อน การที่จะไปถึงมาตรการที่ไม่รับซื้อสินค้านั้นเป็นขั้นตอนต่อไป
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ ครม. ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีการตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ ภายใต้การดำเนินการของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบที่ทำให้เกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่
โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ระบบแอฟพลิเคชั่นต่างๆ มาใช้สนับสนุนการบริหารจัดการ และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทบทวนแผนเผชิญเหตุ การเตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ การป้องกันและการลดการเกิดมลพิษที่แหล่งกำเนิด การเผาพื้นที่เกษตร โดยมอบหมายให้ระดับอำเภอและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานการปฏิบัติงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รณรงค์ให้ลดการเผาวัสดุทางการเกษตร ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้สถานการณ์อย่างทันท่วงที
กรณีเกิดสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน หรือมีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด อำเภอ บูรณาการการทำงานร่วมกับทหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร และประชาชนเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา พร้อมอุปกรณ์ที่เหมาะสม และการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรายงาน 4 สถานการณ์มาให้ทราบโดยตรง ได้แก่ 1.รายงานจุดความร้อน (ฮอตสปอต) ในพื้นที่ต่างๆ 2.รายงานต้นเหตุของการเกิดจุดความร้อน 3.รายงานผลการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และ 4.รายงานแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาในอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวเลขค่าฝุ่น PM 2.5 ขึ้นลงตามกระแสลม แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือการเผาวัชพืช ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาได้มีการหารือและประสานการทำงานกันมาโดยตลอด ตั้งแต่ระดับพื้นที่ที่มีพื้นที่ทำการเกษตรติดต่อกันกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ เห็นใจภาคการเกษตร จึงได้หารือในภาคธุรกิจที่มีการลงทุนที่ต่างประเทศ ในเรื่องการผลิตอาหารสัตว์ เช่น การปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด เพราะช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อที่จะมีผลผลิตในฤดูกาลใหม่ จึงได้กำหนดระยะเวลาในการเผา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหามลพิษมากเกินไป แต่คงไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเกษตรอย่างเดียว ยังรวมถึงการใช้ยานพาหนะต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานและทุกกระทรวงตรวจสอบแล้ว พร้อมให้รายงานทุก 3 วัน และจะมีการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาในภาพรวม