พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า กล่าวว่า สถิติสะสมในห้วง 5 วัน ควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 11-15 เม.ย.66 มีการเกิดอุบัติเหตุ 1,744 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 256 ครั้ง (+17.20%) โดยลดลงกว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี 251 ครั้ง (-12.58%) สถิติผู้เสียชีวิต 197 ราย ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 22 ราย (-10.05%) และลดลงกว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี 54 ราย (-21.51%) สถิติผู้บาดเจ็บ 1,738 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 286 ราย (+19.70%) โดยลดลง กว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี จำนวน 272 คน (-13.53%)
จำนวนอุบัติเหตุสะสมสูงสุดในพื้นที่ จว.น่าน 59 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุด ในพื้นที่ กทม. 15 ราย บาดเจ็บสูงสุดในพื้นที่ จว.น่าน 59 ราย โดยมีสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ร้อยละ 37.16 และมีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสูงสุดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 59.69 โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นในถนนทางหลวงมากที่สุด ร้อยละ 39.51 สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 80.78 ซี่งช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือช่วง 19.00-20.00 น. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้บังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก รวม 362,102 ราย ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 133,639 ราย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 80,251 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 71,299 ราย เมาแล้วขับ 18,205 ราย ตามลำดับ
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศปฏิบัติตามแนวทางข้อสั่งการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. โดยเคร่งครัด และขอชมเชยการปฏิบัติงานของทุกหน่วยในการป้องกันและลดอุบัติเหตุในห้วง 5 วันของช่วง 7 วัน ควบคุมเข้มข้น โดยสถิติในภาพรวมของ ตร. เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ยังอยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ มีเพียงบางจังหวัดที่มีจำนวนสถิติของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตเกินเป้าในภาพรวมที่ตั้งไว้แล้ว ให้ปรับแผนการปฏิบัติให้เข้มข้นขึ้นในช่วง 2 วันที่เหลือ และขอชมเชยสำหรับจังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขอให้รักษามาตรฐานไว้จนเสร็จสิ้นเทศกาลสงกรานต์
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของกรมทางหลวง คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับเข้ามากรุงเทพฯ มากที่สุดในวันนี้ ดังนั้น จึงให้ทุกหน่วยเตรียมการรองรับการเดินทางกลับของประชาชน โดยให้ปรับแผนลดการตั้งจุดตรวจขาเข้าฯ และดำเนินการตามมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรของแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรขาเข้าฯ เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมของชุดเคลื่อนที่เร็ว หากมีอุบัติเหตุให้เร่งรัดตรวจสอบ ประสานการปฏิบัติกับภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้สามารถแยกรถหรือเคลื่อนย้ายรถได้ทันที รวมถึงเข้าไปอำนวยการจราจรและแก้ไขปัญหาจุดที่รถติดสะสม บริเวณทางร่วมทางแยกหรือหน้าสถานีบริการน้ำมันที่มีประชาชนใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีปริมาณรถมาก เช่น ถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน และถนนสายเอเชีย
กรณีมีปัญหาการจราจรติดขัดสะสม ให้ บก.ทล. พิจารณาเปิดช่องทางพิเศษเพื่อระบายรถ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และกำชับการปฏิบัติในช่วงรอยต่อของการเปิดช่องทางพิเศษ ให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ร่วมควบคุมและอำนวยความสะดวก มีการวางกรวยและป้ายเตือนการเข้าและออกช่องทางพิเศษให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนทราบ ทั้งนี้ ในการเปิดช่องทางพิเศษให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ สำหรับพื้นที่ที่ยังมีการ จัดงานเฉลิมฉลองต่อเนื่อง ให้เพิ่มความเข้มในมาตรการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายในงาน เพื่อความสงบเรียบร้อย
"ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมถึงใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในพื้นที่ เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนได้รับความสะดวกในการการเดินทาง ลดอุบัติเหตุและการสูญเสีย สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากอาชญากรรมทุกประเภท" ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว