กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์สายพันธุ์โควิด-19 ในไทย โดยล่าสุดไทยพบสายพันธุ์ XBB.1.16 แล้วจำนวน 27 ราย ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวอาจมีความสามารถในการแพร่เชื้อมากกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบภูมิคุ้มกันได้คล้ายสายพันธุ์เดิม อย่างไรก็ดี ยังไม่มีหลักฐานเรื่องความรุนแรงเพิ่ม ย้ำประชาชนไม่ตื่นตระหนกเกินไป แจง ATK และ PCR ยังใช้ตรวจหาเชื้อได้ และวัคซีนยังจำเป็น
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์สายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า พบสายพันธุ์ลูกผสม XBB รวมถึง XBB.1.5, XBB.1.9.1 และ XBB.1.16 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มทดแทนสายพันธุ์หลักเดิม BN.1 โดยสถานการณ์สายพันธุ์ XBB.1.16 ในประเทศไทย พบแล้วจำนวน 27 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 17 เม.ย. 66) ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 66 (มี.ค. พบ 22 ราย เม.ย. พบ 5 ราย) โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้สูงอายุชาวต่างชาติ
"ใน 27 คน มีเดินทางมาจากอินเดีย 1 ราย แต่ไม่อยากให้สนใจว่าเจอกี่ราย เพราะตรวจมากก็เจอมาก ตรวจน้อยก็เจอน้อย ให้ดูสัดส่วนแนวโน้มว่าเพิ่มลดอย่างไร น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า" นพ.ศุภกิจ กล่าว
ทั้งนี้ XBB.1.16 อาจมีความสามารถในการแพร่เชื้อในระดับที่มากกว่าสายพันธุ์ย่อย XBB.1 และ XBB.1.5 และมีศักยภาพการหลบภูมิคุ้มกันคล้ายกับ XBB.1 และ XBB.1.5 อย่างไรก็ดี ยังไม่มีหลักฐานเรื่องความรุนแรงเพิ่มขึ้น
"เรื่องความเร็วในการแพร่เชื้อของ XBB.1.16 ต้องรอดูเดือนหน้าว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ถ้าเพิ่มขึ้นถึง 20-30% แสดงว่าแพร่เร็วขึ้นจริง และจะเบียดตัวเก่าไป แต่ถ้าไม่เร็วกว่า XBB.1.5 ซึ่งเร็วมากอยู่แล้ว ก็จะไม่เบียดไป ส่วนเรื่องภูมิคุ้มกัน XBB.1.16 และ XBB.1.5 ทั้งสองตัวหลบได้ใกล้เคียงกัน ดังนั้น ใครที่เคยติดเชื้อแล้วก็มีโอกาสติดอีกได้" นพ.ศุภกิจ กล่าว
สำหรับอาการของ XBB.1.16 ที่พบ คือ อาการระบบทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก โดยมีข้อสังเกต พบผู้ป่วยที่มีอาการเยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง คันตา ขี้ตาเหนียว ลืมเปลือกตาไม่ขึ้นร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก
"อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า อาการของ XBB.1.16 อาจมีทั้งอาการตาแดงและตาไม่แดง มีไข้และไม่มีไข้ อาการจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล" นพ.ศุภกิจ กล่าว
*เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์-เก็บตัวอย่างมากขึ้น
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ มาตรวจสายพันธุ์เพิ่มขึ้น ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ต่อไป
"ไทยพบ XBB.1.9.1 และ XBB.1.16 เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องจับตามองต่อไป ซึ่งกรมฯ จะเก็บตัวอย่างให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้กรมฯ ตรวจไม่ถึง 100 ราย แต่สถานการณ์แบบนี้จะตรวจเพิ่มขึ้น โดยเมื่อเช้ามีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ได้ประสานให้กรมฯ ทั้ง 15 แห่ง ส่งตัวอย่างมากที่ศูนย์กลางเพิ่มเติม" นพ.ศุภกิจ กล่าว
อย่างไรก็ดี การที่พบผู้ป่วยโควิดมากขึ้น เนื่องจากไทยมีการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ มีการใส่หน้ากากอนามัยลดลง และมีการทำกิจกรรมมากขึ้น จึงพบโรคระบาดมากขึ้น เช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ดี มาตรการป้องกันส่วนบุคคล ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และฉีดวัคซีน จะช่วยลดการแพร่เชื้อ และรับเชื้อ โดยเฉพาะการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
*ATK และ PCR ยังใช้ตรวจหาเชื้อโควิดได้ วัคซีนยังจำเป็น
การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย Antigen Test Kit (ATK) และ Real-time PCR สามารถใช้ตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสมได้ รวมทั้ง XBB.1.16 ด้วย
"พื้นฐานของ ATK ถ้าเชื้อน้อยอาจตรวจไม่เจอ ต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน และอาจมีปัจจัยอื่นร่วม เช่น ATK เสื่อมสภาพเนื่องจากเก็บไว้นาน ส่วน PCR ตรวจเจอเชื้อได้ดีกว่าอยู่แล้ว สรุปคือ ทุกสายพันธุ์ยังตรวจหาเชื้อด้วยทั้งสองวิธีได้เหมือนกัน" นพ.ศุภกิจ กล่าว
ส่วนแนวทางการฉีดวัคซีนหลังจากนี้ ชนิดของวัคซีนขึ้นอยู่กับประชาชนเลือก ทั้งนี้ ยอมรับว่าวัคซีนรุ่นใหม่หรือไบวาเลนท์ อาจดีกว่าวัคซีนรุ่นเก่าเล็กน้อย และจากการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กระทรวงสาธารณสุขมีความเห็นว่า อยากให้ประชาชนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ปีละ 1 ครั้ง
"เน้นย้ำเรื่องวัคซีนผลิตไล่ไม่ทันสายพันธุ์แน่นอน ยอมรับว่าวัคซีนได้ผลลดลงบ้าง ในแง่ของการกันติดเชื้อ เพราะโควิดที่แพร่ระบาดอยู่ในไทยหลบภูมิได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี วัคซีนยังมีประโยชน์ ใครที่ฉีดเข็มสุดท้าย หรือติดเชื้อเกิน 3 เดือน ไม่ต้องนับแล้วว่าฉีดกี่เข็ม ให้ไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน ดีกว่าไม่มีอะไรเลยในตัว" นพ.ศุภกิจ กล่าว
สำหรับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ยังสามารถใช้รักษาโควิดสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยได้ แต่ยอมรับว่า เมื่อเป็นสายพันธุ์ XBB ได้ผลลดลง แต่ยังได้ผล ดังนั้น ถ้ากรณีที่ผู้ป่วยอาการหนัก จำเป็นต้องใช้รักษาควบคู่กันไป เพื่อลดความรุนแรง ซึ่งยังมีความจำเป็น ทั้งนี้ ต้องสอบถามจากกรมการแพทย์ ว่าอาจต้องเพิ่มโดสมากขึ้นหรือไม่
นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องตกใจเรื่อง XBB.1.16 มากเกินไป มีรายงานล่าสุดของประเทศอินเดีย เมื่อ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า อาการของสายพันธุ์ Arcturus หรือ XBB.1.16 นั้น ไม่แตกต่างจากโรคไข้หวัดใหญ่ อาการเยื่อบุตาอักเสบพบมากในเด็ก ส่วนที่บอกว่าไม่มีอาการไข้ไม่จริง จะต้องมีอาการไข้ พร้อมเน้นย้ำว่าไม่ต้องตระหนกตกใจเกินไป วัคซีนยังได้ผลดี สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมได้