นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ประเทศไทยมีคนติดเชื้อและป่วยเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน สังเกตได้จากคนรอบตัว และมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เข้าระบบรายงาน ดังนั้น ควรตระหนักถึงสถานการณ์ระบาดในปัจจุบัน และป้องกันตัวให้ดี
สำหรับตัวเลขรายสัปดาห์ 16-22 เม.ย. 66 จำนวนผู้ป่วยนอนรักษาตัวในรพ. 1,088 ราย สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 150% หรือมากขึ้นถึง 2.5 เท่า จำนวนเสียชีวิต 5 ราย สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 2.5 เท่า ทั้งนี้ คาดประมาณจำนวนติดเชื้อใหม่รายวันอย่างน้อย 7,772-10,794 ราย
อย่างไรก็ดี จะสังเกตได้ว่า จำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลในแต่ละสัปดาห์นั้น เพิ่มขึ้นถึง 2.59 เท่า และ 2.5 เท่า ตามลำดับ ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสัปดาห์แรกขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ดังนั้น จึงเป็นตัวสะท้อนว่าการระบาดที่ปะทุขึ้นมานั้นเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละระลอกที่ผ่านมา ที่มักมี grace period อยู่ราว 6-8 สัปดาห์ ไม่ได้เป็น seasonal pattern แต่เป็นไปในแบบ cyclical pattern ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการเปิดเสรีเดินทางท่องเที่ยว พฤติกรรมเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวัน และการถดถอยของภูมิคุ้มกัน และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงได้ตามกาลเวลา
สำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ยังควรแยกตัวจากผู้อื่น ด้วยหลักฐานทางการแพทย์จากการวิจัยทั้งจากสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ พบว่า หากติดเชื้อ และกักตัว 5 วัน มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้อยู่ 50-75%, 7 วัน 25-30%, 10 วัน 10% ซึ่ง 14 วัน ถึงจะปลอดภัย แต่หากไม่กักตัว ไม่ว่าจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ย่อมเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นได้มาก แม้จะใส่หน้ากากก็สามารถป้องกันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานพยาบาล สถานศึกษา สถานที่ดูแลเด็ก/ผู้สูงอายุ รวมถึงสถานบริการที่มีการให้บริการดูแลผู้คนจำนวนมาก ความเสี่ยงจะสูงมาก และนำไปสู่ความสูญเสียได้มากเป็นเงาตามตัว ทางที่เป็นไปได้และเหมาะสมคือ แยกตัว 7-10 วัน จนกว่าจะไม่มีอาการ และตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซ้ำแล้วได้ผลลบ จากนั้นจึงค่อยมาทำงานหรือใช้ชีวิต โดยป้องกันตัวเคร่งครัดจนครบ 14 วัน
ในส่วนของที่ทำงาน ควรช่วยกันปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานของตนเองให้มีการถ่ายเทอากาศ ระมัดระวังการรับประทานอาหารร่วมกัน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร ล้างมือหลังหยิบจับของสาธารณะ เว้นระยะห่างจากคนอื่น การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องเมื่อออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
สำหรับโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16.x ข้อมูลจาก GISAID (Cr: Rajnarayanan R, US) ล่าสุดพบว่า โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16.x นั้นมีรายงานการตรวจพบเพิ่มขึ้นเป็น 42 ประเทศทั่วโลก ทาง Nextstrain ได้กำหนดรหัสสำหรับ XBB.1.16 ให้เป็น clade 23B (Omicron) เรียบร้อยแล้วต่อจาก XBB.1.5 ซึ่งเป็น 23A เพื่อทำการติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างเป็นระบบ เนื่องจากข้อมูลจนถึงปัจจุบันบ่งชี้ให้เห็นว่า XBB.1.16.x นั้นมีสมรรถนะในการแพร่ที่เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม และมีรายงานจากหลายประเทศทั่วโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปัจจุบัน XBB.1.16 มีการแตกหน่อต่อยอดมีลูกหลานหลากหลายสายพันธุ์ย่อยแล้ว อาทิ XBB.1.16.1, XBB.1.16.2, XBB.1.16.3, FU.1, FU.2
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก วานนี้ (24 เม.ย.) ทั่วโลกติดเพิ่ม 29,147 คน ตายเพิ่ม 149 คน รวมแล้วติดไป 686,558,099 คน เสียชีวิตรวม 6,860,033 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ รัสเซีย โรมาเนีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม วานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 88.65% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 91.27%