นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-29 เม.ย.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า มีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,811 ราย เฉลี่ยวันละ 258 ราย ผู้เสียชีวิตจำนวน 10 ราย เฉลี่ยวันละ 1 ราย หายป่วยสะสม 8,382 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.66) เสียชีวิตสะสม 288 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.66) ผู้ป่วยปอดอักเสบ 157 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 79 ราย โดยตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
"นายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 607 และ 608 ย้ำขอให้รีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19" นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคคาดว่าผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นจำนวนมากในช่วงฤดูฝน พร้อมกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม 607 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นจะมีความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปจะสามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ แต่ด้วยปัญหาการเข้าถึงบริการส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มเป้าหมายยังไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ไม่เพียงพอในด้านประโยชน์ ความสำคัญ และความปลอดภัยของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ทำให้กลุ่มเป้าหมายชะลอหรือปฏิเสธการรับวัคซีนได้
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้จัดกิจกรรม "ห่วงใยผู้สูงวัย ด้วยการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ห่างไกลโควิด-19" ณ สถานดูแลผู้สูงอายุ เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้เข้าถึงข้อมูลและเห็นความสำคัญถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการให้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุ เข้ารับบริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมากขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ในกลุ่มเปราะบาง ลดความเสี่ยง ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ให้บริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปและการฉีดวัคซีนโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้สูงอายุในสถานดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้สูงอายุในชุมชนรอบข้างด้วย
"นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งทำการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้เป็นวงกว้าง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ทราบถึงประโยชน์ และเพิ่มโอกาสเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 และฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปของผู้สูงอายุ ที่อยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งต่อสุขภาพของตนเอง ป้องกันคนในชุมชน รวมถึงเป็นการรักษาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศ" นายอนุชา กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันการป่วยหนักจากโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูฝน กรมควบคุมโรคจึงขอเชิญชวนให้ผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงทุกคน ติดต่อเข้ารับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นวัคซีน หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน โดยหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามไปยังสถานพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร