นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะออกประกาศยกเลิกให้โรคโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ทำให้ประชากรทั่วโลกสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่โรคโควิดยังคงมีอยู่เหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ คือ เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่ภูมิคุ้มกันในคนลดลง จะทำให้มีการระบาดเพิ่มขึ้น แต่จะไม่มีการระบาดใหญ่เหมือนที่ผ่านมา
กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับมาตรการรองรับด้วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปี พร้อมทั้งเฝ้าระวังการระบาดในคน และการกลายพันธุ์ของเชื้อ โดยรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันก่อนเข้าหน้าฝนที่จะมีการระบาดของทั้ง 2 โรค
ทั้งนี้ หลังดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา เบื้องต้นยังไม่พบผลข้างเคียงของการรับวัคซีนคู่ ดังนั้น ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับบริการได้ตามความสมัครใจ โดยจะรับวัคซีนอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน หรือจะรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันก็ได้
นพ.โอภาส กล่าวว่า ในช่วงเปิดเทอม เป็นสถานการณ์หนึ่งที่มีความเสี่ยงจะเกิดการระบาดของโรคทางเดินหายใจได้ เนื่องจากมีการรวมตัวของเด็กนักเรียน มาตรการสำคัญจึงเป็นเรื่องของการเฝ้าระวัง โดยหากเด็กมีอาการป่วย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน หากอาการไม่ดีขึ้นให้พาไปพบแพทย์ รวมถึงพาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามกำหนด
ส่วนโรงเรียน หากพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน หรือมีความผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในสถานศึกษา