นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านประเมินสถานการณ์ กอนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์น้ำของปี 2566 ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ค.66 ซึ่งจากการติดตามปรากฎการณ์เอนโซ (ENSO) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาวะปกติ พบว่ามีแนวโน้มจะเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเอลนีโญตั้งแต่เดือน มิ.ย.66 เป็นต้นไป
ดังนั้นปริมาณฝนในปีนี้ จึงมีแนวโน้มใกล้เคียงกับค่าปกติหรือน้อยกว่าค่าปกติเล็กน้อย และคาดว่าจะเกิดฝนทิ้งช่วงประมาณช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.66 และมีฝนน้อยกว่าค่าปกติในช่วงเดือน ก.ย.66 จึงต้องมีการวางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์หากมีปริมาณฝนน้อย ซึ่งจะต้องเป็นการวางแผนระยะยาว โดยใช้หลักการบริหาร 2 ปี คือ ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 67 เพื่อให้มีปริมาณน้ำในช่วงต้นฤดูแล้งมากที่สุด
โดยที่ประชุมฯ ได้เน้นย้ำเรื่องการกักเก็บน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ โดยให้กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใช้ค่าฝนน้อย มาประเมินเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง สำหรับสนับสนุนการเพาะปลูกพืชฤดูฝนปี 66 ได้ 1 รอบเท่านั้น โดยภายหลังเสร็จสิ้นการเพาะปลูกในรอบแรกแล้ว จะต้องรณรงค์ในเรื่องของการประหยัดน้ำและส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย โดยจะไม่มีการปลูกข้าวรอบ 2 เนื่องจากคาดการณ์ว่าสภาวะเอลนีโญ อาจจะเกิดขึ้นยาวนานต่อเนื่องไปประมาณ 2-3 ปี ซึ่งจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนประสานงานกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด ในการวางแผนการเพาะปลูก เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและบริหารจัดการน้ำร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะมีการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเติมเต็มปริมาณน้ำในพื้นที่การเกษตรของประชาชนด้วย
เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ปัจจุบันมีการก่อตัวของพายุดีเปรสชั่นในพื้นที่อ่าวเบงกอล ซึ่งมีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุไซโคลนและเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณตอนกลางของประเทศเมียนมาในช่วงวันที่ 13 พ.ค.66 จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย แต่อาจส่งผลให้มีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก โดย กอนช.ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังฝนตกหนัก ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้มีน้ำสำหรับรองรับสถานการณ์ในช่วงฝนทิ้งช่วง นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าในช่วงฤดูฝนปีนี้ มีแนวโน้มของการเกิดพายุหมุนเขตร้อน 1-2 ลูก จึงอาจส่งผลให้บางพื้นที่ประสบกับปัญหาอุทกภัย
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตาม 12 มาตรการรองรับฤดูฝนปี 66 เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่ฝนทิ้งช่วง การเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ และหากมีความจำเป็นจะมีการตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า เพื่อบัญชาการในพื้นที่เสี่ยงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาด้วย