นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงประเด็นการร่วมทำงานกับรัฐบาลชุดใหม่ ว่า ในลำดับแรกไม่ว่ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะเป็นฝ่ายใด กทม. ก็พร้อมทำงานร่วมกัน เนื่องจาก "รัฐบาลคือคำสั่งของประชาชน เราต้องเคารพคำสั่งของประชาชน"
สำหรับประเด็นการร่วมมือกับรัฐบาลนั้น กทม. มีหลายประเด็นที่อยากจะพัฒนาความร่วมมือ เช่น ปัญหาของรถไฟฟ้าสายสีเขียว และการเชื่อมต่อการขนส่งประเภทต่างๆ
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือปัญหา PM2.5 ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การประกาศ Low Emission Zone หรือการจำกัดปริมาณรถเข้าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจของทางกรมขนส่งทางบกและตำรวจ หากมีนโยบายจากรัฐบาลด้วยจะทำให้โครงการเหล่านี้สำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่จะต้องมีการหารือกัน คือเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งการทำงาน หรือบ้านใกล้งาน งานใกล้บ้าน ซึ่งส่วนนี้กทม. ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เนื่องจากข้อจำกัดด้านที่ดินและอำนาจในการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยตรง ซึ่งหากรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนในส่วนนี้จะช่วยให้โครงการสำเร็จได้เร็วขึ้น
"การพัฒนาบ้านใกล้งาน ยังมีส่วนในการลดปัญหาการจราจรและปัญหาฝุ่นด้วย เนื่องจากหากมีบ้านใกล้งาน หรือใกล้โรงเรียนแล้ว จะช่วยลดระยะทางและเวลาในการเดินทางลง" นายชัชชาติ กล่าว
ประเด็นต่อมาที่ต้องมีการหารือคือ พื้นที่สีเขียว และพื้นที่สาธารณะ ที่อยากเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ว่างของหน่วยงาน อาทิ ใต้ทางด่วน หรือทางรถไฟ มาเป็นพื้นที่สีเขียว หรือทำ Hawker Center ที่จะส่งผลการขายของบนทางเท้าลดลงอีกทางด้วย
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องแสงสว่าง หากรัฐบาลมีนโยบายให้การไฟฟ้านครหลวงเปลี่ยนหลอดไฟตามท้องถนน ตรอกซอกซอยให้เป็นประเภท LED แล้วก็จะส่งผลให้โครงการสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอดประเภท LED ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟประมาณครึ่งหนึ่งหากเทียบกับหลอดไฟประเภทเดิม ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงก็จะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ เนื่องจากเป็นผู้สนับค่าไฟริมทางสาธารณะอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากทม. ได้ดำเนินการเองไปแล้วในหลายเส้นทาง อาทิ สีลม สาทร แต่ก็มีข้อจำกัดเพราะต้องจัดสรรงบประมาณในเรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข ให้มีความเหมาะสม