นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ของ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เนื่องจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา EIA ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดินและบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร (คชก.กทม.) ใช้อำนาจขยายระยะเวลาของการให้ความเห็นชอบรายงาน EIA ของ บมจ.ศุภาลัย ออกไปเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ อีกทั้งเนื้อหาในการจัดทำรายงานฯ ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการและข้อเท็จจริง โดยเฉพาะปัญหาการบังทิศทางลมและแสงแดดที่จะมีผลกระทบต่อบ้านเรือนข้างเคียงที่ไม่อาจแก้ไขได้
โดยวันนี้ศาลปกครองได้นัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาในคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับชาวชุมชนรัชดา 64-66 ยื่นฟ้อง คชก.กทม. เพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนรายงาน EIA โครงการดังกล่าวที่เข้ามาก่อสร้างคอนโดมิเนียมสูงและมีความยาวมากกว่า 303.5 เมตร ทำให้บังแดด-บังลมของชาวบ้านข้างเคียง และศาลได้เรียกเจ้าของโครงการดังกล่าวเข้ามาในคดีด้วย
เมื่อปลายเดือน ธ.ค.65 ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาให้แก่ชาวบ้านย่านรัชดาภิเษก ซอย 64-66 ชุมชนประชานุกูล เขตบางซื่อ ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย อันเนื่องมาจากการก่อสร้างโครงการจะทำให้บังแดด-บังลมของชาวบ้านข้างเคียง โดยศาลชี้ว่า คชก.กทม.เร่งรีบให้ความเห็นชอบรายงานอีไอเอ (EIA) ไป ทั้งที่ข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และเป็นนิมิตใหม่ของศาลปกครองที่ให้ความสำคัญต่อการก่อสร้างตึกสูงที่มักบังแดด-บังลม ที่จะทำให้ชาวบ้านจะต้องทนทุกข์ทรมานกันชั่วกัลปาวสาน
"คำพิพากษาในคดีนี้เป็นเรื่องใหม่และสำคัญต่อวิถีชีวิตชาวกรุงเทพและปริมณฑลที่ถูกผู้ประกอบการเรียลเอสเตทจำนวนมากเข้ามาก่อสร้างอาคารสูงในพื้นที่ชุมชนหรือบ้านข้างเคียง ทำให้ชาวบ้านที่เคยมีวิถีชีวิตที่ปกติสุขต้องมาเดือดร้อนจากปัญหาอาคารบังลม-บังแดด ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป โดยที่ผู้ประกอบการต่างๆ ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ เมื่อขายโครงการหมดแล้ว รับผลประโยชน์ไปหมดแล้วก็ทิ้งภาระไว้ให้กับนิติบุคคลที่จะเกิดขึ้นมารับช่วงปัญหาต่อไป" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากโครงการก่อสร้างอาคารสูงในพื้นที่ชุมชน คือ คชก.กทม.นั่นเอง ซึ่งมักเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนเหล่านี้เป็นหลัก ดังนั้นเพื่อเป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องของ คชก.กทม. สมาคมฯจะนำคำพิพากษาไปเป็นหลักฐานยื่นร้องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการไต่สวนเอาผิด คชก.กทม.ที่ยกมือเห็นชอบโครงการฯดังกล่าวต่อไป
แหล่งข่าวจากบมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับทราบคำพิพากษาแล้ว และได้มีการประชุมหารือร่วมกับทีมผู้บริหารและคณะทำงาน เพื่อเตรียมชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับลูกค้าที่จองซื้อโครงการดังกล่าวให้ทราบ รวมถึงการพิจารณาข้อเสนอให้กับลูกค้าที่จองโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง เพื่อเป็นทางออกให้กับลูกค้าที่จองซื้อและไม่มีความสบายใจ เช่น การเสนอให้เปลี่ยนโครงการใหม่ของศุภาลัย และการให้ส่วนลดต่างๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ซึ่งทางบริษัทจะมีการออกหนังสือชี้แจงลูกค้าให้ทราบอย่างเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามกรณีของโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง แม้ว่าทางศาลปกครองกลางจะมีคำพิพากษาออกมาแล้ว แต่ทางคณะกรรมการ EIA ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ เพื่อต่อสู้คดี ทั้งนี้โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ในปัจจุบันได้หยุดการก่อสร้างตามคำสั่งศาล ซึ่งก่อสร้างไปเพียง 10% เท่านั้น และส่วนของยอดจองโครงการดังกล่าวมีไม่มากเพียง 10% เท่านั้น สำหรับโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง มูลค่า 3.2 พันล้านบาท เป็นอาคารสูง 18 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 1,302 ยูนิต เป็นโครงการที่มีการปรับแบรนด์จากเดิมที่เป็นโครงการศุภาลัย ปาร์ค รัชวิภา เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการในยุคใหม่ และมีทันสมัยมากขึ้น โดยได้เริ่มขายไปในช่วงต้นปี 65