นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวกรณีที่กองทัพมีแผนปฏิรูปลดจำนวนนายพลลง 50% และลดกำลังพลลง 12,000 นาย ภายในปี 2570 ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทิศทางจากการประชุมสภากลาโหม เมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) ที่ประกอบด้วยผู้บัญชาการ และเสนาธิการของเหล่าทัพต่างๆ มีนโยบายสอดรับกับการปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การปฏิรูปกองทัพได้สำเร็จตามแผน คือ เจตจำนงทางการเมืองของผู้บริหารประเทศ และ รมว.กลาโหม เพราะสิ่งที่อยู่ในแผนที่กองทัพพูดไว้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเป็น ส.ส. เมื่อปี 2562
"4 ปีที่ผ่านมา ได้ยินแต่แผนที่เป็นเป้าหมาย แต่ไม่เคยเห็นรายละเอียดว่าการลดกำลังพล และลดนายพลลงครึ่งหนึ่ง จะมีวิธีการอย่างไร และแต่ละปีก็ไม่มีความคืบหน้า เวลาขอข้อมูลไปก็ไม่เคยได้" นายพิจารณ์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีเรื่องที่รับทราบใหม่ จากการแถลงของกองทัพเมื่อวานคือ การยุติแผนการเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 7 กองพลทหารม้าที่ 3 ของกองทัพบก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่คงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่ายุติแผนการเสริมสร้างแล้วเหตุใดจึงยังต้องคงกองพลเหล่านี้ไว้ หลังจากนี้ จะสามารถพิจารณาไปถึงการยุบทั้ง 2 กองพลเลยได้หรือไม่
ส่วนการปฏิรูปกองทัพที่ยังไม่เห็นความชัดเจนจากการแถลงเมื่อวานนี้ ยังมีอีกหลายประเด็น เช่น ความโปร่งใสของธุรกิจกองทัพจากการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ ซึ่งอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เคยทำ MOU ไว้กับกรมธนารักษ์ว่าจะเปิดเผยรายละเอียดที่ดินราชพัสดุทั้งหมดที่ถูกนำไปเป็นธุรกิจของกองทัพว่ามีอะไรบ้าง
ความคืบหน้าล่าสุดจากที่ตนได้ทราบ มีเพียงแค่ 3-4% เท่านั้น ที่ทำข้อตกลงกับกรมธนารักษ์ไปแล้ว ดังนั้น จึงอยากสื่อสารไปยังนายทหารที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ ให้เร่งรัดการทำข้อตกลงกับกรมธนารักษ์ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องทหารรับใช้ และการให้อดีตนายทหารยังสามารถอยู่บ้านในค่ายทหารได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการปฏิรูปเพื่อสร้างความโปร่งใส และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกองทัพ
นายพิจารณ์ ยืนยันว่า ภายใต้รัฐบาลก้าวไกลเชื่อมั่นว่าจะสามารถแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายในกองทัพ เพื่อเดินหน้าการปฏิรูปกองทัพได้อย่างแน่นอน
"เป็นเรื่องที่ดี ที่กองทัพจะเริ่มมีทิศทางอย่างจริงจัง เพื่อขานรับนโยบายของรัฐบาลพรรคก้าวไกล เราเชื่อมั่นว่านโยบายปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล จะทำให้นายทหารที่รักในประชาธิปไตย และทำงานอย่างซื่อตรงต่อหน้าที่ของตัวเอง เข้าใจ และยินดีสนองนโยบายอย่างแน่นอน เราจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เราจะดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของนายทหารชั้นผู้น้อยให้ดีขึ้น เราพร้อมที่จะร่วมทำงานกับทุกฝ่าย เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรี เกียรติยศ ความไว้วางใจของประชาชนต่อกองทัพ และสร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ตามอย่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสากล" นายพิจารณ์ กล่าว