นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) รับมอบหนังสือร้องเรียนเรื่องส่วยทางหลวงจากนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งระบุว่า ปัญหาดังกล่าวมีสื่อนำเสนอมาตั้งแต่ปี 39-40 หลังจากนั้นได้ปรับเปลี่ยนเป็นส่วยสติกเกอร์ เพื่อเคลียร์ทางและทำผิดกฏหมายได้ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง แต่ต้องประสบปัญหาหลากหลายและถูกข่มขู่
สำหรับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มีรถบรรทุกที่เป็นสมาชิกกว่า 4 แสนคัน จากทั้งหมดที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก กว่า 1.5 ล้านคัน โดยมีการลงนามในข้อตกลงที่จะอยู่ภายใต้กฏหมาย และพยายามชักจูงผู้ประกอบการขนส่งให้อยู่ภายใต้กฏหมาย แต่ไม่สามารถต่อสู้กับสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐกดดันได้ โดยปัจจุบัน แผ่นสติกเกอร์ของรถบรรทุกมี 40-50 ป้าย
"ปัญหาเรื่องส่วยนี้ ทำกันเป็นระบบ แม้ปัญหาที่เกิดขึ้น จะพุ่งเป้าไปที่ตำรวจทางหลวงเป็นหลัก แต่มีตำรวจภูธรบางคนที่ดูแลในพื้นที่ยังชะล่าใจ คิดว่าเรื่องยังไปไม่ถึงตัว จึงขอส่งสัญญาณว่าให้เลิกการเก็บส่วยแบบนี้ อีกทั้งยังมีมีข้าราชการบางคนที่มีหน้าที่เรื่องด่านชั่ง ก็มีส่วนเกี่ยวพันด้วย" นายวิโรจน์ ระบุ
นายวิโรจน์ ประเมินความเสียหายว่า ในแต่ละเดือนมีการเรียกเก็บระดับพันล้านบาท ปีหนึ่งก็ถึงระดับหมื่นล้านบาท หากเปรียบเทียบกับเรื่องที่มีการร้องเรียนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ในแต่ละปี มูลค่าความเสียหาย 2 แสนล้านบาท แค่ส่วยทางหลวงคิดเป็นมูลค่า 10% หรือ 2 หมื่นล้านบาทของเรื่องทุจริตในประเทศไทยแล้ว ดังนั้น หากสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จะสามารถลดปัญหาทุจริตลงได้ 10%
โดยหลังจากนี้ จะมีการหารือกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และสมาคมขนส่งอีก 10 สมาคม เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันว่า ปัญหาส่วยทางหลวงมีความเชื่อมโยงกับบุคคลใดบ้าง และจะมีการกำหนดท่าทีไปให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ โดยหวังว่าทั้ง 2 คนจะเข้าปราบปรามปัญหานี้ให้สิ้นซากให้ได้
อย่างไรก็ดี นายวิโรจน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องทบทวนและแก้กฏหมายให้เป็นธรรม และต้องนำเทคโนโลยีการชั่งน้ำหนักขณะรถวิ่งมาใช้อย่างจริงจัง เพื่อตัดปัญหาเรื่องการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ออกไป ทำให้โอกาสที่จะเกิดช่องทางการทุจริตลดลง และสิ่งสำคัญต้องยกเลิกการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจให้ได้ เพราะหากทำได้ จะช่วยแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างยั่งยืน
ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งฯ กล่าวว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลอยู่ระหว่างจัดตั้งรัฐบาล แม้นายวิโรจน์ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แต่กลับหยิบยกปัญหานี้ขึ้นมา จนนำไปสู่การโยกย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ทั้งนี้ มองว่าการขนส่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ หากการขนส่งไม่ราบรื่น จะส่งผลกระทบต่อสินค้าอุปโภคบริโภค และถ้ามีระบบจ่ายส่วยอยู่ จะทำให้ต้นทุนราคาสินค้ายิ่งสูงขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องราคาพลังงานได้ ทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นไปอีก
"วันนี้เราได้พบแสงสีส้มที่ปลายอุโมงค์แล้ว อดีตที่ผ่านมา ฝนตั้งเค้ามานาน แต่ไม่ตกสักที แต่วันนี้ฝนกำลังจะตก ชะล้างสิ่งสกปรกในพื้นที่ประเทศไทยให้สะอาดหมดจด ผมไม่เคยติดต่อคุณวิโรจน์ แต่คุณวิโรจน์ หยิบปัญหาที่เป็นช็อตเด็ดจริงๆ จากอดีตร้องเรียนไปทุกกรมกอง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข แต่วันนี้แค่ 3-4 วัน สามารถย้ายผู้การทางหลวงไปได้" นายอภิชาติ กล่าว
พร้อมระบุว่า การแก้ไขปัญหานี้ อยู่ที่คนรับผิดชอบว่าจะมีความตั้งใจจริงหรือไม่ ที่ผ่านมามีแต่หลอกหลวง ตอนนี้นายวิโรจน์ได้ประชุมร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ไปบ้างแล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ต้องใช้เวลาแก้ไข แต่ต้องมีจุดเริ่มต้น สำหรับรถบรรทุกที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์การขนส่งทางบกกว่า 4 แสนคัน ไม่มีใครทำผิดกฏหมาย แต่อีก 20% หรือประมาณ 2 แสนคันจ่ายค่าสติ๊กเกอร์เริ่มต้นตั้งแต่ 3,000-5,000 บาท ไปจนถึงระดับ 27,000 บาท เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้โดยไม่จำกัด
"เราสมควรเปิดหน้าตรงนี้ ให้ข้าราชการที่รับอามิจสินจ้างตื่นตัวสักที สมควรที่จะหยุดแล้ว ถ้ารู้ตัวก็หยุด และเรามั่นใจว่า เรามาถูกที่ถูกทาง" นายอภิชาติ กล่าว