พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ว่า สำหรับกรณีผู้ที่มีหมายจับและคดียังอยู่ในอายุความ ตามหลักการแล้วหมายจับจะแสดงในระบบฐานข้อมูลของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อนายทักษิณ เดินทางเข้ามา และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในสนามบิน ระบบจะปรากฏข้อมูลหมายจับของศาล ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหน้าด่านตรวจนั้นๆ ทราบทันที
หน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คือ จะต้องแจ้งให้บุคคลนั้นทราบ และควบคุมตัวต้องหาส่งให้กับศาลตามหมายจับ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลว่ามีคำสั่งดำเนินการอย่างไรต่อผู้ต้องหา ขณะเดียวกัน ในกรณีเดินทางเข้าเมืองโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แล้วลงจอดในสนามบินอื่น เช่น บน.6 ของกองทัพอากาศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง ก็จะต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง เช่นเดียวกับการทางเข้าเมืองผ่านสนามบินทั่วไป พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในด้านการข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดและยังไม่พบการข่าวที่น่ากังวล แต่เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังไปจนถึงช่วงเวลาที่นายทักษิณจะเดินทางกลับ ตลอดจนช่วงเวลาหลังเดินทางกลับไทยแล้ว ด้าน พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยในห้วงเวลาสถานการณ์นี้ว่า ได้เตรียมการมาแล้วตั้งแต่ช่วงแรกที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ จะกลับประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นไปตามมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย อีกทั้งมีการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว ว่าอดีตนายกนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาจริงหรือไม่ มาโดยตลอด สำหรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่า จะเป็นไปตามขั้นตอนที่ระบุตามเอกสารลับของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ เนื้อหาเอกสารระบุ การเตรียม ความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญโดยมีขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ การรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทางทั้งหลักและรองจากท่าอากาศยาน ศาลฎีกา กองบัญชาการตำรวจปรายปรามยาเสพติด และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ