ครม.ผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำ 1A สร้างอุโมงค์รถไฟสายเด่นชัย-เชียงของ คาดเปิดใช้ปี 71

ข่าวทั่วไป Tuesday August 15, 2023 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ครม.ผ่อนผันใช้พื้นที่ลุ่มน้ำ 1A สร้างอุโมงค์รถไฟสายเด่นชัย-เชียงของ คาดเปิดใช้ปี 71

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นหนึ่งในทางรถไฟสายใหม่ระยะเร่งด่วน ภายใต้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ซึ่งได้รับอนุมัติจาก ครม.ไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค.61

เนื่องจากโครงการฯ มีงานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟที่มีส่วนพาดผ่านลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนือ บริเวณตำบลโชคชัย อำเภอดอยหลวง และตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 2,376 เมตร หรือคิดเป็นพื้นที่รวม 52 ไร่ 2 งาน 57 ตารางวา ซึ่งรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการฯ ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้วเมื่อวันที่ 16 มี.ค.60 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ (สศช.)

สำหรับโครงการรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ในพื้นที่จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย ระยะทางประมาณ 323.10 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างที่สถานีรถไฟเด่นชัย จังหวัดแพร่ และมีสุดสิ้นสุดที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กรอบวงเงินลงทุน 85,345 ล้านบาท มีระยะเวลาการก่อสร้างตั้งแต่ 15 ก.พ.65 - 14 ม.ค.71 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2571

โดยงานก่อสร้างประกอบด้วย 1. ทางรถไฟคู่ใหม่ 2 เส้นทาง (รางกว้าง 1 เมตร) 2. สถานีรถไฟ 26 สถานี (สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี ขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถไฟ 13 สถานี) 3. อุโมงค์ทางวิ่งรถไฟและงานระบบภายในอุโมงค์ 4 แห่ง 4. ลานขนถ่ายสินค้าและบรรทุกตู้สินค้า (container yard) 5 แห่ง 5. สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ (overpass) 40 แห่ง และถนนลอดใต้ทางรถไฟ (underpass) 102 แห่ง 6. งานโยธาอื่นๆ เช่น ระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนข้าม

โครงการฯ นี้เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2566-2570 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวก การสร้างโครงข่ายการเชื่อมโยงการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือ รถไฟ ถนน และท่าอากาศยานอย่างครอบคลุม เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่อุตสาหกรรมและด่านชายแดนสำคัญ มีเป้าหมายหลักในการลดต้นทุนการขนส่งสินค้าทั้งหมดจากเฉลี่ย 0.10% ในปี 2565 เป็น 7% ในปี 2570

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม.ได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ ดำเนินตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 กรณีการดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า ต้องมีการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์ หรือรักษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณตามโครงการ แต่หากการดำเนินการดังกล่าวมีผลทำให้กรอบวงงเงินของโครงการเปลี่ยนแปลงไปจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

พร้อมกันนี้ยังกำชับให้ รฟท. เร่งดำเนินโครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามแผนดำเนินงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงการพัฒนาศูนย์บริการโลจิสติกส์ และการปรับปรุงด่านชายแดนที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ทั้งภายในและระหว่างประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการระบบโลจิสติกส์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ