กทม. เตรียมตั้งศูนย์ภัยแล้งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเอลนิโญ

ข่าวทั่วไป Friday September 15, 2023 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการพื้นที่ภัยแล้งในกรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า เนื่องจากช่วงเดือน ธ.ค.ถึงเดือน พ.ค.ของทุกปีเป็นช่วงฤดูแล้ง มีสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้งปัญหาน้ำทะเลหนุนสร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนการเกษตรกรรมและการปศุสัตว์ ประกอบกับขณะนี้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นในหลายๆ พื้นที่ อาจส่งผลให้เกิดภาวะแห้งแล้งผิดปกติ ซึ่ง กทม.มีหน้าที่และภารกิจที่จะต้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบ ดังนั้นเพื่อให้การเตรียมการให้ความช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ กทม.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันต่อเหตุการณ์ จึงจัดประชุมเพื่อเตรียมการแนวทางการบริหารจัดการในเรื่องต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ กทม.เพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ กทม.ที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง

"ภัยแล้งเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร จึงต้องมีการเตรียมการสำหรับภัยแล้งด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ใช้พื้นที่กักเก็บน้ำ ที่เป็นการดำเนินการนำร่องในบางพื้นที่เขต บางพื้นที่เขตเป็นการทำประมง ซึ่งยากต่อการบริหารจัดการเนื่องจากเมื่อปริมาณน้ำลดลงมากจะส่งผลกระทบอย่างไรและวิธีการจัดการในเชิงรุกจะดำเนินแบบไหน อีกทั้งยังมีพื้นที่การเกษตรฝั่งตะวันออกของ กทม.ที่จะได้รับผลกระทบอีกหลายหมื่นไร่ ฉะนั้นในการจะทราบข้อมูลเรื่องระดับน้ำ ค่าความเค็มของน้ำ การผันน้ำ และอื่นๆ จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้เพื่อวางแผนการทำงานร่วมกัน" น.ส.ทวิดา กล่าว

ด้าน นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ ตั้งข้อสังเกตใน 3 ประเด็นคือ เรื่องการกำหนดค่าระดับความเค็มร่วมกัน เนื่องจากส่งผลต่อผลผลิตแต่ละประเภทแตกต่างกัน เช่น ไม้ผล ไม้ยืนต้น หรือกล้วยไม้ ฉะนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งต้องหารือกับกรมชลประทานในการกำหนดค่าระดับความเค็มให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เรื่องต่อมาคือผันน้ำเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันค่าเฉลี่ยระดับฝนในปีนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงเกิดความกังวลว่าน้ำในพื้นที่จะเกิดความขาดแคลน และเรื่องน้ำหนุนช่วงเดือน ธ.ค.จนถึงเดือน มี.ค.จะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด จึงกังวลเรื่องค่าความเค็มของน้ำ เพราะน้ำที่มาจากทางเหนือมีปริมาณน้อยกว่าทุกปี ทำให้ค่าความเค็มในแม่น้ำและคลองสายหลักในพื้นที่ กทม.มีค่าค่อนข้างสูง

ด้านผู้แทนกรมชลประทานได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า ด้วยปรากฏการณ์เอลนิโญทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาน้อยกว่าปกติ โดยปริมาณน้ำฝนของ กทม.ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 35% ซึ่งจากการคาดการณ์ของกรมชลฯ ที่ดูจากปีก่อนที่มีความแล้วใกล้เคียงกับปี 2562 ปริมาณน้ำใช้การ 4 เขื่อนหลักในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะเป็นปริมาณน้ำที่เป็นต้นทุนของน้ำที่ใช้ใน กทม.ด้วยอยู่ที่ 5,516 ลบ.ม. ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ที่กว่า 10,000 ลบ.ม. ทำให้เห็นว่าน้อยลงอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเพาะปลูก โดยเฉพาะพืชที่ใช้น้ำเยอะ คือ ข้าว จึงขอให้ปรับลดในการเพาะปลูก ขณะนี้กรมชลฯ กำลังดำเนินการเตรียมทำแผนพื้นที่การเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง ปี 2566-2567 นอกจากนี้กรมชลฯ ยังได้รายงานสถานการณ์การระบายน้ำ การเพาะปลูก การรักษาค่าความเค็มของน้ำ

ทั้งนี้ สำนักการระบายน้ำและกรมชลประทานเตรียมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) เพื่อลงรายละเอียดการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ และการป้องกันน้ำเค็มจากน้ำทะเลหนุน และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เตรียมกำหนดแนวทางยับยั้งและช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการและงบประมาณสนับสนุน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร โดยร่วมมือกับสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และตรงกับกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่ได้รับผลกระทบ


แท็ก เอลนิโญ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ