พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงกลางห้างวานนี้ว่า ไม่สามารถเปิดเผยการสอบปากคำได้ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเยาวชน โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ที่ สน.ปทุมวัน เพื่อสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุไม่ขอเปิดเผย ทั้งนี้ขณะเข้าจับกุมได้ดำเนินการตามขั้นตอน (SOP) โดยผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากมีอาการเบลอ บอกว่ามีคนมาพูดว่าต้องยิงคนโน้นคนนี้ จากการตรวจสอบพบประวัติรักษาจิตเวชอยู่โรงพยาบาลราชวิถี และเล่นเกมบ้าง ส่วนปืนผู้ก่อเหตุใช้เป็นอาวุธปืนแบลงค์กันยังไม่ทราบที่มา
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาวจีน 1 ราย เสียชีวิตบริเวณชั้น G ส่วนชาวเมียนมาร์ 1 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จากการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้จักหลัก "หนี ซ่อน สู้" หรือ "Run Hide Fight" นำมาใช้แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง ทำให้พนักงานรู้ขั้นตอนว่าจะต้องไปหลบซ่อนตัวที่ไหน เพื่อให้ตัวเองปลอดภัย และทางห้างได้มีการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำทุก 3 เดือน ทำให้ตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือและลำเลียงประชาชนอย่างมีขั้นตอน ขณะเดียวกันก็ต้องปิดล้อมพื้นที่เพื่อเข้าระงับเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าตำรวจสายตรวจถึงที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที ซึ่งเป็นไปตามหลักยุทธวิธี นอกจากนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดูแลมาตรการให้รัดกุม
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า โรงพยาบาลตำรวจได้รับศพผู้เสียชีวิตไว้ 2 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย และชาวเมียนมา 1 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะประสานให้ทางญาติเข้ามาติดต่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งหลังจากการก่อเหตุเบื้องต้นได้รับรายงานว่าผู้เสียชีวิตชาวจีนเสียชีวิตตั้งแต่ในที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนชาวเมียนมาแพทย์ได้ทำการยื้อชีวิตแต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากมีบาดแผลถูกยิงหลายนัดเข้าจุดสำคัญ แพทย์พยายามยื้อช่วยชีวิตอยู่เป็นชั่วโมงไม่เป็นผล
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนได้ให้สิทธิของชาวต่างชาติเต็มที่จนกว่าจะพร้อม โดยครอบครัวซึ่งเป็นพี่สาวของชาวเมียนมาได้ติดต่อเข้ามาดูและมีความประสงค์ต้องการจะรับศพแล้ว ส่วนหญิงชาวจีนที่เสียชีวิตได้มาเที่ยวกับครอบครัวแต่ทางญาติยังทำใจไม่ได้ ตนเองและ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ้มศิวะวงศ์ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้เข้าไปพูดคุยกับทางครอบครัว ซึ่งทางครอบครัวยังไม่สามารถทำใจได้ เนื่องจากยังมีลูกเล็ก
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ กล่าวว่า เคสทุกเคสไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีฯ รับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์