นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล หลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบว่า ได้รับทราบรายงานล่าสุดจากนายจ้างว่า มีคนไทยเสียชีวิตรวม 18 ราย ส่วนการเจรจาปล่อยตัวประกันยังดำเนินการหารือกับทางทูตของแต่ละประเทศอยู่
ขณะนี้ มีคนไทยแจ้งขอเดินทางกลับไทยแล้ว 3,000 กว่าคน จาก 5,000 กว่าคน ซึ่งคนไทยในอิสราเอลมีทั้งหมดประมาณ 50,000 กว่าคน แต่อยู่ในจุดเสี่ยง 5,000 กว่าคน และได้ทยอยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเรียบร้อยแล้ว และมีคนไทยที่ยังต้องการอยู่ที่อิสราเอลหลักร้อยคน ซึ่งคนที่ต้องการอยู่ต่อ จะรวมทั้งแรงงานที่ถูกกฏหมาย และแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยเที่ยวบินแรก คือ วันที่ 12 ต.ค. จากนั้นเป็นวันที่ 19 ต.ค. ตามลำดับ
รมช.ต่างประเทศ ยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางในการเข้าไปช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ทั้งเครื่องบินเช่าเหมาลำ เครื่องบินพาณิชย์ หรือเครื่องบินจากกองทัพ โดยในขณะนี้สามารถนำเครื่องลงที่สนามบินในอิสราเอลได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าความรุนแรงของสถานการณ์ ได้เริ่มขยายวงใกล้สนามบินมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระวัดระวัง พร้อมกับได้เจรจากับประเทศรอบๆ อิสราเอลไว้แล้ว หากเกิดกรณีจำเป็นต้องนำเครื่องบินของไทยไปลงจอด ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ที่กระทรวงต่างประเทศ จะมีแจ้งแผนการที่จะนำคนไทยกลับประเทศให้รับทราบอย่างเป็นทางการ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงการอพยพคนไทยว่า ต้องรอทางการอิสราเอลว่าจะอนุญาตให้กองทัพอากาศไทยนำเครื่องบินเข้าไปได้เมื่อไหร่ หากได้รับสัญญาณจะส่งเครื่องบิน C-130 จำนวน 6 ลำ รับได้เที่ยวละ 60-65 คน และเครื่องบินแอร์บัส A 340 จำนวน 1 ลำ รับได้ประมาณ 100 คน ซึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้อาจจะมีการหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อขออนุมัติเช่าเครื่องบินเหมาลำจากประเทศอิสราเอล หรือสายการบินพาณิชย์อื่นๆ เพื่อพาคนไทยกลับมาเพิ่มเติมมากขึ้น
รมว.แรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับมายังประเทศไทยทั้งหมด ถึงแม้จะไม่มีงบประมาณสำหรับอพยพคนไทยก็ต้องหาเพิ่ม สุดท้ายหากไม่มีจริงๆ ก็ต้องใช้จากงบกลาง ส่วนการเดินทางกลับไปทำงานหลังสถานการณ์สงบนั้น กระทรวงแรงงานต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะหากองทุนจากที่ไหน อาจจะต้องของบประมาณจากรัฐบาล เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทำให้คนที่เสียค่าใช้จ่ายไปแล้วเสียโอกาสในการทำงาน ดังนั้นรัฐบาลไทยจะมอบโอกาสนี้คืนให้กับผู้ใช้แรงงานไทยทุกคนได้กลับไปทำงาน
ส่วนกรณีที่มีข่าวแรงงานไทยในอิสราเอลที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาถูกขายต่อไปยังอีกประเทศหนึ่งนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ได้ทราบข่าวนี้แล้วและได้แจ้งไปยังทูตแรงงานประจำประเทศอิสราเอลให้ช่วยตรวจสอบเป็นการด่วน พร้อมกับประสานสถานทูตไทยว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์ลำบากนั้นต้องรีบดำเนินการและขอความร่วมมือจากรัฐบาลอิสราเอลด้วย ส่วนแรงงานไทยที่ประสานมายังทางการไทยแต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเช้าวันนี้จะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้โดยเร็ว