นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศมาเลเซียถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า ล่าสุดเวลา 3 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น ได้รับรายงานจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และนางสาวพรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หลังคนไทยในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 5,000 คน ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แย่ลง และเลวร้ายลงไป มีจรวดยิงกันตลอดเวลา
ทั้งนี้เครื่องบินของไทยที่จะออกในวันพรุ่งนี้ รับคนไทย 15 คนนั้น ก็ยังไม่พร้อม เนื่องจากอีก 11 คน กำลังเดินทางเข้ามาที่สถานทูต ซึ่งขณะนี้มีแค่ 4 คนและได้รับบาดเจ็บอยู่ในสถานทูตปลอดภัยแล้ว
การจราจรในประเทศอิสราเอลถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้นทางเดียวที่สามารถเดินทางได้ต้องอาศัยรถทหาร โดยพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประสานกองทัพอิสราเอลเพื่อขอให้ช่วยใช้รถลำเลียงคนไทยเข้ามายังสถานทูต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ดังนั้นเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีปัญหาอยู่สองถึงสามปัญหาใหญ่คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยเราได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถให้บินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และทางนกแอร์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 ลำ และการบินไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณา ตอนนี้เราพยายามนำเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้ามา และรับออกจากอิสราเอลเพื่อไปจอดยังประเทศข้างเคียง และกลับไปรับใหม่ เพื่อทำให้คนที่ออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งพรุ่งนี้ก็สามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องให้มั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้ว คนไทยพร้อมที่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะรถทหารเท่านั้น
ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้นก็มีอยู่ 5 ลำ ดังนั้นเตรียมไว้ 9 ลำหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขณะนี้รมว.คมนาคม ยังเจรจาอยู่ และยืนยันว่าเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็จ่าย เท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนสำคัญที่สุด
แต่ทั้งนี้ปัญหาที่ตามมาคือ ไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่ และอีกปัญหาคือการลำเลียงคนเข้ามายังสนามบิน ได้มากเท่าไหร่ เพราะหากนำเครื่องบินมาจอดทิ้งไว้ และไม่สามารถลำเลียงคนมาได้ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ได้เตรียมพร้อม และไม่เตรียมเครื่องบินไว้ก็จะเสียโอกาสไป เพราะก็มีโอกาส ที่น่านฟ้าจะปิดในเร็ววันนี้ ดังนั้นการปฎิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อมและอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่าจะสามารถนำคนของประชาชนคนไทยออกมาได้หรือไม่
นายเศรษฐา ย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในอิสราเอล สูงที่สุด ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจและประสานงานอยู่ตลอดต่อเนื่องของทุกภาคส่วน และพรุ่งนี้เช้าน่าจะมีการอัพเดทสถานการณ์อีกครั้ง ขอให้ติดตามฟังข่าวต่อไป
ส่วนเครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่ามีค่าใช้จ่าย แต่ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด มีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไร ให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย แต่ หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้วไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้รัฐบาลมีความพร้อมที่จะนำเครื่องบินมาให้ได้มากที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าแนวโน้มคนไทยที่แจ้ง ความประสงค์จะเดิน ทางกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆเพราะ ปฎิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงไป
"หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวัง แต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้ อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด"
ส่วนสื่อของอิสราเอล รายงานว่าพบคนไทย จำนวน 14 คนในเขตพื้นที่กาซา ได้รับรายงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูต ณ กรุง เทลอาวีฟ แต่หวังว่าจะเป็นเรื่องจริง และหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย เพราะก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น เมื่อเกิดเหตุระเบิดลงต่างคนต่างตัวเปล่า เหตุการณ์ชุลมุน เอกสารและพาสปอร์ตก็ไม่มี แต่เรื่องเอกสารเป็นเรื่องทีหลังมากกว่า โดยกระทรวงต่างประเทศก็สมทบเจ้าหน้าที่พื้นที่ใกล้เคียง เป็นอาสาสมัครไปช่วยดำเนินการเรื่องเอกสารทำให้ประชาชนออกมาโดยเร็วที่สุด ตนได้สั่งการไปว่าเรื่องของเอกสารขอให้เป็นเรื่องรอง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่าตอนนี้ พบคนไทยเสียชีวิต 20 ราย และหวังว่าจะเป็นตัวเลขที่จบแล้ว แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ เพราะการต่อสู้ก็ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพยายามอพยพคนไทยให้ได้เร็วที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ทุกวิถีทาง ขอขอบคุณภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการช่วยนำคนไทยออกมา
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ล่าสุดสายการบินแอร์เอเชียรับปากว่า มีเครื่องบินให้ 2 ลำ และสายการบินนกแอร์ 2 ลำ ส่วนการบินไทยวันนี้จะรู้ผล ซึ่งน่าจะได้มากกว่า ขณะที่กองทัพอากาศบอกว่ามีมากกว่า 1 ลำแน่นอน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอยากให้เตรียมเรือไว้เป็นอีกช่องทาง เพราะน่านฟ้าอิสราเอลไม่ได้เปิดตลอดจะเปิดบ้าง ปิดบ้าง เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม