นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยหลังการหารือกับนางสาวแอนเจลา เจน แม็กดอนัลด์ เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ว่า ออสเตรเลียสนใจลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะด้านน้ำ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยนักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ
ทั้งนี้ ออสเตรเลียถือเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 8 ของไทย โดยการค้าสองฝ่ายในปี 2565 มีมูลค่า 18,388.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583 ที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศเมื่อเดือน ก.ย.66 โดยจัดสรรงบประมาณราว 95.4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท เป็นเวลา 4 ปี เพื่อสนับสนุนภารกิจดังกล่าว ซึ่งไทยก็จะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
โดยสาขาที่ออสเตรเลียมีศักยภาพ และไทยให้ความสำคัญ เช่น เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาแรงงานผ่านการศึกษา พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น
นางนลินี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทย-ออสเตรเลีย ได้จัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีทวิภาคี และระดับภูมิภาค รวม 3 ฉบับ คือ 1.ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) 2.ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และ 3.ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งออสเตรเลียหวังว่าทั้งสองประเทศจะนำข้อดี-ข้อเสีย จากความตกลงทั้ง 3 ฉบับไปพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2548 ซึ่งจะครบ 20 ปีในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งไทยและออสเตรเลียเห็นชอบที่จะจัดกิจกรรมเชิญชวนผู้ประกอบการให้ใช้สิทธิประโยชน์ตามความตกลง TAFTA มากยิ่งขึ้น โดยในเดือน พ.ย. 2566 นี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการดำเนินการเข้าสู่ตลาด (MAIC) เพื่อติดตามประเด็นด้านการเปิดตลาดระหว่างกัน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ความตกลง TAFTA ตอบสนองต่อการค้าโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
"เมื่อกลางปีนี้ ออสเตรเลียได้เปิดตลาดเป็ดปรุงสุกจากไทย ซึ่งจะทำให้เราจะส่งออกได้ราว 1,200 ตัน/ปี มูลค่า 400 ล้านบาท และไทยอนุญาตให้นำเข้าผลอะโวคาโดสดจากออสเตรเลียได้ แสดงให้เห็นถึงการยกระดับความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรของทั้งสองประเทศ ส่วนสินค้าสำคัญอื่นที่ไทยส่งออกไปออสเตรเลีย เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ อัญมณีเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก เป็นต้น" นางนลินี กล่าว